นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บรรยากาศการเข้าซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ในปี 2564 คาดว่า จะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปี 2563 เพราะในขณะนั้นเป็นปีแรก ยังไม่เป็นที่น่าสนใจ มีกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) เป็นตัวเลือก แต่ปีนี้ไม่มีแล้ว ทำให้กองทุนรวม SSF จะเป็นทางเลือกหลัก แม้จะมีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก็ตาม เนื่องจากทั้งสองกองทุนยังมีความแตกต่างของเงื่อนไขการถือครอง
อย่างไรก็ตามมองว่า ควรมีการแยกวงเงินลดหย่อนภาษีของกองทุน SSF ใหม่ ซึ่งปัจจุบันวงเงินถูกรวมกับกองทุนรวม RMF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ทำให้วงเงินลดหย่อนลดลง รวมถึงได้ฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากปกติที่กลุ่มนักลงทุนของกองทุนรวม SSF และ RMF เป็นคนละกลุ่มกันอยู่แล้ว โดยแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนให้เน้นในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
“การลงทุนในตราสารหนี้ จะได้ผลตอบแทนไม่สูง อีกทั้งไม่ตอบโจทย์คนวัยทำงานรุ่นกลางๆ ที่ต้องการออมเงินในระยะยาว เพื่อใช้ในวัยเกษียณ แต่เงินลงทุนต้องเติบโตไปด้วย ทำให้การลงทุนในหุ้นมีความน่าสนใจมากกว่า ถึงแม้ในระยะสั้นจะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ยังพอรับได้”นายสาห์รัชกล่าว
ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้สูง หรือมีมรดก ซึ่งจะมีความปลอดภัย แนะนำธีมหุ้นที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่มีการเติบโตในระยะยาว 10 ปี คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่ม Healthcare และหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ที่ในระยะยาวจะมีการเติบโตที่ดี และไม่ต้องรอจังหวะในการเข้าซื้อกองทุน สามารถเข้าซื้อลงทุนได้เลย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,727 วันที่ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564