นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 2% และคาดว่า ณ สิ้นปี 2564 จะปรับขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 2% ต้นๆ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่กระทบต่อฐานะของธนาคาร เนื่องจากมีการตั้งสำรองส่วนเกินเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท คาด ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 เท่า
“สำรองส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นมา 7 เท่าจากเดิม ทำให้รองรับตัวหนี้เสีย หรือ NPL ได้ถึง 60,000-70,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้หมายความว่าออมสินจะมี NPL สูงถึง 70,000 ล้าน แต่เงินสำรองส่วนนี้จะช่วยรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้” นายวิทัย กล่าว
ขณะที่อัตรากำไรในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งยอมรับว่าจากวิกฤตที่เกิดขึ้น กำไรที่ได้จึงมาจากการลดต้นทุน ซึ่งออมสินสามารถลดต้นทุนการเงินและการบริหารจัดการ ได้ถึง 10,000 ล้านบาท และจากการเพิ่มสำรองส่วนเกิน โดยกำไรที่ได้มา จะถูกนำไปสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยจากการออกมาตรการสินเชื่อต่างๆ
ทั้งนี้ปัจจุบัน ธนาคารมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท เงินฝากอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท และสินเชื่ออยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท โดยการปล่อยสินเชื่อผ่านแอป MyMo ล่าสุดปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 1.5 ล้านราย คาดจะปล่อยได้เพิ่มจนถึงสิ้นปีนี้อีก 2 แสนราย
นายวิทัย ยังกล่าวด้วยว่า มั่นใจสภาพเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศจะกลับมาดีขึ้นอย่างแน่นอน และจะส่งผลให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน โดยลูกหนี้ของธนาคารออมสินก็เริ่มมีการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ และสินเชื่อที่ออมสินเข้าไปช่วยฐานรากส่วนใหญ่ก็มีรัฐมาช่วยสนับสนุนกรณีที่เป็น NPL 30-50% ฉะนั้น ออมสิน จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียต่อแบงก์