นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 411.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาส 2/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 366.5 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 0.2% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งทำได้ 410.2 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น การเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,467.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 1,386.0 ล้านบาท และเติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,286.0 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นทำได้ 496.5 ล้านบาท โตขึ้น 6.6% จากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 465.6 ล้านบาท และเติบโต 7.2% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 463.1 ล้านบาท
“ผลประกอบการที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3 สะท้อนการเติบโตที่มั่นคง เพราะ ทั้งรายได้และกำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเกือบทุกไตรมาส โดยเฉพาะรายได้ของกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลถือว่า โตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้
เนื่องจากบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าได้อย่างประสิทธิภาพและมีชั่วโมงการหยุดซ่อมบำรุงที่ลดลงจากไตรมาสก่อน แม้ว่าไตรมาส 3 ปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ประเทศต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 และต้องล็อคดาวน์ก็ตาม”นายธนะชัยกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,138.0 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1,253.6 ล้านบาท แม้ว่าในปี 2563 จะมีรายได้พิเศษจากการรับเงินค่าสินไหมทดแทนของบริษัทย่อยจำนวน 171.9 ล้านบาท แต่ในปี 2564 ไม่มีรายการดังกล่าว ส่วนกำไรปกติ (Core Profit) ทำได้ 985.0 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากงวด 9 เดือนแรกปี 2563 ที่ทำได้ 1,031.9 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากปีนี้มีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ลงทุนโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการก่อสร้าง อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid คลองขลุง โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง เป็นต้น
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดีตามเป้า นอกจากนี้มีโอกาสสูงที่จะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์เพิ่มอีกหนึ่งแห่งได้ทันในช่วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจำนวน 18 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 59.00 เมกะวัตต์ ที่เพิ่งประมูลได้และอยู่ระหว่างการรอลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น ก็คาดว่า จะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในวันที่ 21 มกราคม 2565 ตามกรอบระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้กำหนดไว้
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของภาครัฐอีกหลายโครงการ โดยอยู่ระหว่างรอการเปิดประมูลในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งหากเปิดประมูลเมื่อใดก็พร้อมที่จะเข้าร่วมแน่นอน เพราะมั่นใจในโมเดลต้นแบบโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของบริษัทฯ ที่ได้รับการยอมรับจากชุมชนและหน่วยงานต่างๆ
รวมทั้งมีความพร้อมด้านเงินลงทุน เทคโนโลยีและประสบการณ์ โดยเมื่อรวมกับโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ หลายโครงการที่มีการลงนามสัญญาไปก่อนหน้าซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนาก็จะช่วยหนุนให้ ACE มีรายได้และผลกำไรที่เติบโตมั่นคงในระยะยาวได้อย่างแน่นอน