“โทเคน เอกซ์” ชี้อนาคต “เงินดิจิทัล” ไปต่อหลังไทยเปิดกว้างลงทุน

15 พ.ย. 2564 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2564 | 17:17 น.

“โทเคน เอกซ์” มอง “เงินดิจิทัล” ยังไปต่อ หลังไทยเปิดกว้างในการลงทุน เชื่อหากกติกาชัดเจนมากขึ้นจะช่วยหนุนตลาดให้โตได้อีก ขณะที่ความผันผวนของมูลค่าเหรียญอาจทำให้ความนิยมใช้ชำระค่าสินค้าและบริการน้อยลง

นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนา ลงทุนอย่างไรให้รวย ในหัวข้อ “เงินดิจิทัล ไปต่อหรือพอแค่นี้” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดยกล่าวว่า ในปี 2016 มูลค่าตลาดของคริปโตเคอเรนซี่ อยู่ที่ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  สะท้อนว่ามีคนสนใจลงทุนในคริปโคเคอเรนซี่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

“มองความต้องการในตลาดยังมี และจะมีอะไรใหม่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เหรียญเดิมก็จะมีการพัฒนาตัวเอง และจะมีเหรียญเกิดใหม่อีก ดังนั้น ตลาดจะยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่ตลาดจะไปได้เร็วแค่ไหน และมูลค่าจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน ยังต้องติดตาม เพราะเหรียญใหม่ๆที่เกิดขึ้นมายังคาดเดาได้ยากว่าจะสมบูรณ์หรือไม่ แต่หากเป็นเหรียญเช่น Ethereum หรือ Bitcoin หรือ อีกหลายๆ เหรียญๆ มองว่าในระยะยาวยังลงทุนอีกครั้งได้ ดังนั้นจึงต้องดูว่าเราจะมองเหรียญนั้นคือเหรียญอะไร” น.ส.จิตตินันท์ กล่าว

 

จิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด

ผู้บริหาร โทเคน เอกซ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปี 2017 เป็นต้นมา การระดมทุน IOC ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนจากสตาร์ทอัพ ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปกำกับดูแล ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อนักลงทุน เพราะบางธุรกิจเกิดขึ้นจริง บางธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือบางธุรกิจประสบความสำเร็จ และบางธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มเข้ามากำกับดูแล รวมทั้งไทย ที่ขณะนี้ กลต. ทำหน้าที่ในการกำกับดูและออกกติกาในการระดมทุน ซึ่งผู้จะทำ ICO จะต้องได้รับใบอนุญาต และดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ภายใต้กติกาที่กำหนด

 

กลต.ของไทยถือว่ามีการเปิดกว้างและให้การสนับสนุน ต่างจากบางประเทศ เช่น จีนที่ประกาศปิดกั้นชัดเจนและถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ในไทยอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันระหว่างหน่วยงานกำกับและนักพัฒนา ซึ่งกรอบกติกาที่วางไว้ยังกว้างและมีช่องในการตีความ ขณะเดียวกันสินทรัพย์ที่เป็นดิจิทัลก็มีการพัฒนาตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อดำเนินการอะไรแต่ละครั้ง อาจต้องใช้เวลาในการตีความภายใต้กรอบที่ กลต. วางไว้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อต้นทุนให้สูงขึ้น” น.ส.จิตตินันท์ กล่าว

“โทเคน เอกซ์” ชี้อนาคต “เงินดิจิทัล” ไปต่อหลังไทยเปิดกว้างลงทุน

ขณะที่ความนิยมในการนำคริปโต หรือ โทเคน มาใช้ในการชำระสินค้าหรือบริการในอนาคตนั้น นางสาวจิตตินันท์ กล่าวว่า ยังต้องดูหลายปัจจัยทั้งเสถียรภาพของค่าเงินประเทศนั้นๆ และความนิยม ทั้งนี้ในส่วนของคริปโต ยังมีการคาดการณ์ถึงมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต อาจทำให้เหรียญไม่ถูกนำออกมาใช้ ขณะเดียวกัน ร้านค้าอาจมีความเสี่ยงจากการขึ้นลงของมูลค่าเหรียญนั้นๆ ด้วยเช่นกัน

 

นางสาวจิตตินันท์ กล่าวอีกว่า คริปโตเคอเรนซี่ในหลายๆ เหรียญเป็นเรื่องของความต้องการ เป็นเรื่องของการที่คนมาให้ค่า แต่ในมุม ICO ในไทยขณะนี้ จะมีผู้ตรวจสอบ มีกฎกติกา มีการให้ข้อมูลกับนักลงทุน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจและได้ศึกษาข้อมูล หรือมีตัวกลางในการให้ข้อมูลและกลั่นกรอง ซึ่งจะช่วยให้จุดเริ่มต้นของตลาดหรือนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น

 

“โทเคน เอกซ์” ชี้อนาคต “เงินดิจิทัล” ไปต่อหลังไทยเปิดกว้างลงทุน

 

ทั้งนี้ ในส่วนของ โทเคน เอกซ์ พยายามผลักดันตลาดในไทย แต่ยังมีความไม่ชัดเจนในมุมของภาษี และในการทำ ICO ขณะเดียวกันการเปิดกว้างประเภทของสินทรัพย์ ทำให้เกิดความหลากหลาย ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยของนักลงทุน ซึ่งจุดเริ่มต้นขณะนี้อยู่ที่กลุ่มนักลงทุนรีเทล และอนาคตหากนักลงทุนสถาบันสามารถเข้ามาลงทุนใน ICO ได้ ก็เชื่อว่า ความสนใจของนักลงทุนหรือปริมาณก็จะมากขึ้นไปด้วย