23 พ.ย.2564 - จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการ แก้หนี้ระยะยาวเพิ่มเติม ด้วย การรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้ เพื่อให้ความช่วยความเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19
ผ่านการสนับสนุนให้สถาบันการเงิน ทำการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) เข้าด้วยกัน ด้วยการ นำหลักประกันของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ มาใช้ประโยชน์ในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว อีกทั้ง ธปท. ยังได้ดำเนินการลดข้อจำกัดการทำรีไฟแนนซ์ (refinance) หนี้อีกด้วยนั้น
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้สรุปรายละเอียดของมาตรการแก้หนี้ระยะยาวของธปท. เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างง่าย ดังนี้
ทั้งนี้ ในกรณีที่สถาบันการเงินมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ส่วนในกรณีที่รับโอนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (refinance) มาจากสถาบันการเงินอื่น สถาบันการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ได้
สำหรับสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่นำมารวมหนี้ด้วย ให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เป็นอัตราที่ใช้หลังการส่งเสริมการขาย (teaser rate) บวกร้อยละ 2 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรายย่อยโดยทั่วไปอย่างมีนัย
การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยวิธีการรวมหนี้
มาตรการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์
โดยแบงก์ชาติได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกำกับดูแล ทั้งการจัดชั้นหนี้ การกันเงินสำรอง และการดำรงเงินกองทุน เพื่อลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินที่ช่วยเหลือลูกหนี้ สำหรับการรวมหนี้ที่ดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะทยอยเสนอผลิตภัณฑ์การรวมหนี้ได้ภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2564 โดยลูกหนี้สามารถติดต่อสถาบันการเงินโดยตรงเพื่อสมัครเข้าร่วมมาตรการ