รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ช่วงที่มีข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในต่างประเทศ ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25-30 พฤศจิกายน 2564 ลดลง 79.77 จุด หรือ 4.83% ส่งผลดัชนีหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายนพลิกกลับมาปิดลบ 54.74 จุดหรือ 3.37% จากเดือนตุลาคมปิดบวก 17.75 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.11% เป็นเดือนที่ลดลงมากเป็นอันดับ 2 รองจากเดือนกรกฎาคมที่ลดลง 65.87 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 4.15%
ส่วน 11 เดือนปี 2564 ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 119.34 จุด หรือ 8.23% จากปี 2563 ลดลง 130.49 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 8.26%
ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) วันที่ 25-30 พฤศจิกายน 2564 ลดลง 939,706.70 ล้านบาท ส่วนเดือนพฤศจิกายนลดลง 591,864.73 ล้านบาท ขณะที่ 11 เดือนปี 2564 เพิ่มขึ้น 2,302,151.27 ล้านบาท
ด้านมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเดือนพฤศจิกายนกลับมาขายสุทธิ 10,981.54 ล้านบาท จากที่ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 3 เดือน โดย 11 เดือน ปี 2564 ขายสุทธิรวม 71,800.72 ล้านบาท เป็นการขายสุทธิน้อยกว่าปี 2563 ที่ 264,385.79 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ขายสุทธิ 45,244.85 ล้านบาท และตั้งแต่ปี 2560-2564 ขายสุทธิรวม 694,645.59 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ดัชนีหุ้นไทย 11 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าปรับขึ้นได้ค่อนข้างดี สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก จากการเริ่มเปิดเศรษฐกิจ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน บรรยากาศกลับมากดดันอีกครั้งจากความกังวลการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงพร้อมกันทั่วโลก
“เรายังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,620 จุด แต่หากสายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรง เลวร้ายที่สุดคาดว่า ดัชนีจะอยู่ที่ 1,500-1,530 จุด และจะไม่หลุด 1,500 จุดอย่างแน่นอน และเป้าหมายปี 65 อยู่ที่ 1,700 จุด ส่วนกระแสเงินทุนจากต่างชาติ คาดว่าเดือนธันวาคม ยังคงมีทิศทางไหลออก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวของนักลงทุนต่างชาติ” นายอภิชาติ กล่าว
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,737 วันที่ 5 - 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564