บลจ.เอไอเอ ชี้ ยูนิตลิงก์ หนุนธุรกิจประกันชีวิตโต ยุคนิวนอร์มอล

13 ธ.ค. 2564 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2564 | 15:25 น.

"บลจ.เอไอเอ"ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนที่ควบคู่ เคียงข้างไปกับธุรกิจประกันชีวิตของเอไอเอ ที่มีปรัชญาและภารกิจร่วมกันต่อลูกค้าชาวไทย โดยที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งจากตัวแทนและลูกค้าของ "เอไอเอ" หนุน AUM โตรวดเร็ว

ครบรอบ 1 ปี  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIAIMT  ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมภายใต้การบริหาร (AUM) ณ เดือน ก.ย. 2564  รวมประมาณ  840,000 ล้านบาท จัดเป็นบลจ.ขนาดใหญ่ 1ใน5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมกองทุนในประเทศไทย

 

แบ่งเป็นสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในส่วนของ กองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณ 805,000 ล้านบาทและสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 34,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ที่ประมาณ 38% ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหรรม 

ก้าวต่อไปของบลจ .เอไอเอ (ประเทศไทย) ใน 3 ปีข้างหน้าจากนี้ไป (ปี 2565-2567) "สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง"  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ว่า บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเงินลงทุนและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง เคียงคู่ไปกับ “เอไอเอ (ประเทศไทย)” ที่มีประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ “ยูนิต ลิงค์”เป็นกลจักรสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตยุค New Normal อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านตัวแทนเอไอเอกว่า 11,000 คนที่สามารถแนะนำการวางแผนทางการเงินให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย)

“บลจ.เอไอเอ(ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนที่ควบคู่ เคียงข้างไปกับธุรกิจประกันชีวิตของเอไอเอ ที่มีปรัชญาและภารกิจร่วมกันต่อลูกค้าชาวไทย รวมถึงในแง่ของวิธีการลงทุนของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวพร้อมๆไปกับการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม เพื่อให้ก้าวผ่านเคียงคู่กับลูกค้าของเราได้ในทุกช่วงชีวิตอย่างมั่นคง โดยที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งจากตัวแทนของเอไอเอ และลูกค้าของเอไอเอ ซึ่งทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของเรานั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”นายสุขวัฒน์กล่าว

สำหรับมุมมองการลงทุนนั้น ในขณะนี้สภาพคล่องในระบบยังคงอยู่ในระดับสูงมากอย่างต่อเนื่องและขณะที่ภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงยังคงหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในไทยและต่างประเทศให้ยังน่าสนใจจากนี้ไปอีกประมาณ 3-6 เดือน  โดยบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตการลงทุน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญจากทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ ทั้งในและต่างประเทศ ของกลุ่มการลงทุนของเอไอเอ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวของผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอได้โดยเฉพาะ

 

โดยกองทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ที่เสนอขายให้กับประกันชีวิตควบการลงทุนของเอไอเอ มีจุดเด่นที่แตกต่าง คือ "การมีผู้จัดการกองทุนคอยติดตามและปรับพอร์ตลงทุนอย่างสม่ำเสมอ” นั่นคือนอกจากจะมีการกำหนดพอร์ตการลงทุนหลัก หรือที่เรียกว่า Strategic Asset Allocation แล้ว ยังมีการปรับพอร์ตการลงทุนระยะสั้น และมองหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม หรือที่เรียกว่า Tactical Asset Allocation เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว

 

"สุขวัฒน์"กล่าวว่า ในปีหน้า บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) วางแผนที่จะออกกองทุนรวมเพิ่ม เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าสำหรับประกันชีวิตควบการลงทุนของเอไอเอ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรียกว่า “กองทุนบาลานซ์ฟันด์” ซึ่งเป็นกองทุนผสมลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยจำแนกตามกรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ ทั้งความเสี่ยงสูง เสี่ยงปานกลาง และเสี่ยงต่ำ โดยอาศัยความสามารถและความเชี่ยวชาญที่กล่าวมาข้างต้น ช่วยในการปรับพอร์ตการลงทุนให้ลูกค้าอย่างมืออาชีพ

 

เมื่อปลายปี 2563  บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้มีการออกกองทุน Global Asset Allocations จำนวน 3  กองทุน โดยมีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนของเอไอเอ ที่มีการลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นชั้นนำทั่วโลก ที่บริหารโดยกลุ่มการลงทุนของเอไอเอ และพันธมิตรระดับโลกของเอไอเอ อาทิ Blackrock, Wellington และ Baillie Gifford ซึ่งเป็นกองทุนเสนอขายสำหรับ ประกันชีวิตควบการลงทุนของเอไอเอ  

 

สำหรับสินค้า AIA Infinite Wealth Prestige และ AIA Infinite Wealth Prestige Gift ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องกองทุนทั้ง 3 กองทุนตอบโจทย์ลูกค้า ในแง่การบริหารพอร์ตการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนของกลุ่ม เอไอเอ ที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือน ธ.ค.2563 จนถึงสิ้นเดือนพ.ย. 2564 สร้างผลตอบแทนได้อยู่ที่  17.85% สำหรับกองทุน AIA Global Aggressive Allocation , 11.06% สำหรับกองทุน AIA Global Moderate Allocation และ 4.89% สำหรับกองทุน AIA Global Conservative Allocation

 

“แผนงานของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) จากนี้ไปเน้นการให้ความสำคัญกับการบริหารกองทุนรวม ภายใต้ประกันชีวิตควบการลงทุนของเอไอเอ ซึ่งกองทุนที่จะมาช่วยตอบโจทย์การลงทุนสำหรับประกันชีวิตควบการลงทุน ควรเป็นกองทุนที่ให้ความสำคัญการการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว มีการปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างคล่องตัว และทันต่อสถานการณ์ โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”

 

พร้อมกันนี้ "สุขวัฒน์" ยังแนะนำนักลงทุนในการวางแผนบริหารทางการเงินอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออม การสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัว การวางแผนเกษียณ รวมไปถึงการวางแผนลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่างๆของชีวิตโดยการจัดสรรเงินส่วนแรกเพื่อ “การสร้างสภาพคล่องและการใช้จ่ายยามจำเป็น” อย่างน้อย 6 เดือน โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากกองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

 

ส่วนที่สองเน้นการจัดสรรเงินเพื่อ การสร้างความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต หรือ ประกันชีวิตควบการลงทุน ยูนิต ลิงค์ ที่มีความยืดหยุ่นสูง และตอบโจทย์ในแต่ละช่วงชีวิต และส่วนสุดท้ายเน้นการจัดสรรเงินใน “การลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคลตามกรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้” โดยเน้นหลักการกระจายสินทรัพย์ลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง (Diversification)

 

ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ภายหลังการเปิดประเทศ การฉีดวัคซีนที่ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น แม้ดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งจะยังคงหนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยงให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง    อย่างไรก็ตาม   ภาวะการลงทุนในปีหน้ายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากปัจจัยเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวที่ตลาดยังคงกังวล

 

รวมทั้งต้องจับตาพัฒนาการของเหตุการณ์ใหม่ๆที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจนัก เช่น ภาวะความตึงเครียดหรือการเผชิญหน้าของบรรดาประเทศมหาอำนาจ หรือที่ใกล้ตัวเข้ามาอีกนิด เช่น การกลายพันธุ์ของโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ดี การวางแผนทางการเงินอย่างรอบด้านจะทำให้เราสามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความผันผวนได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน