นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัดเปิดเผยว่า สหรัฐฯนับว่า เป็นตลาดสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังคงขยายตัวได้ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 และคาดว่า ปี 2564 เศรษฐกิจมีโอกาสฟื้นตัวเต็มที่ โดยที่เชื้อโอมิครอน มีแนวโน้มที่จะเป็นเพียงโรคประจำถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในวัฏจักรเศรษฐกิจ
ประกอบกับนาย โจ ไบเดน ได้ลงนามกฎหมายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐในวงเงิน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีกรอบระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐฯ ให้เดินหน้าต่อไปข้างหน้า
ขณะที่ดัชนี NASDAQ ยังเป็นดัชนีที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและเติบโตสูงมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว ที่ประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำที่มีชื่อเสียงและมีผู้ใช้งานทั่วโลก โดย NASDAQ มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยมูลค่า 20 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ และให้ผลตอบแทนย้อนหลังสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ดังนั้นบริษัทมองเห็นโอกาสจากหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำที่ลงทุนตามดัชนี Nasdaq ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส เอ็นดีคิว เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMNDQ) เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพิ่มเติมจากที่เปิดในชนิดสะสมมูลค่า - SCBNDQ(A) และชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ - SCBNDQ(E)แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
SCBRMNDQ เริ่มเสนอขายครั้งแรก(IPO) ระหว่างวันที่ 24 – 28 มกราคม 2565 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย ซึ่งบริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วง IPO จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกู้ มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด
สำหรับมุมมองการลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ในระยะสั้นอาจได้รับแรงกดดันจากการเร่งตัวของเงินเฟ้อ ส่งผลให้ธนาคารกลางเฟดต้องออกมาตรการปรับลดขนาด QE และการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า แต่ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคาดว่าจะเติบโตได้ในอัตราที่สูง ประกอบกับส่วนต่างกำไรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยลดแรงกดดันจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ในระยะยาว
"ความต้องการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในภาคอุตสาหกรรม (Automation) โทรคมนาคม (5G) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค (Internet of Things) ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการดังกล่าว ดังนั้น กองทุน SCBRMNDQ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนระยะยาวให้แก่นักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้" นางสาวนันท์มนัสกล่าว
สำหรับกองทุน SCBRMNDQ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Invesco NASDAQ 100 (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ บริหารโดย Invesco Capital Management LLC
ส่วนกองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF (QQQM) จะลงทุนในหุ้นของบริษัททั้งในและนอกประเทศสหรัฐฯ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุด 100 บริษัท และเป็นส่วนประกอบของดัชนี NASDAQ-100 โดยเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet, Facebook และ Tesla สูงกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นอื่นของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี NASDAQ-100
กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 27.33% เทียบกับดัชนีอ้างอิง NASDAQ-100 อยู่ที่ 27.51% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน (ที่มา: Invesco ณ 31 ธันวาคม 2564)