ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการจัดทำทิศทางสำคัญ และแนวนโยบายการปรับภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย พร้อมพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบในระยะต่อไป ทั้ง โลกดิจิทัลไรพรมแดน กระแสความยั่งยืน และปัญหาความเหลื่อมล้ำ
โดยกำหนดทิศทางในการสนับสนุนให้ภาคการเงินไทยสามารถปรับตัว และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สามารถสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างทันการณ์และราบรื่น
อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญสำหรับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล นั่นคือ การสร้างนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีและข้อมูล
ที่ผ่านมา ธปท. เห็นโอกาสที่มากับกระแสดิจิทัล จึงได้กำหนดทิศทางที่จะเปิดโอกาสให้ภาคการเงินสามารถใช้เทคโนโลยี ข้อมูล และช่องทางดิจิทัล เพื่อพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงิน โดยเฉพาะการเงินดิจิทัล ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการและเพื่อช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยมี 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1.Open Competition
เปิดกว้างในการแข่งขันให้ผู้เล่นทั้งรายเดิมและรายใหม่เข้ามาให้บริการและพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน โดยต้องการ เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการรายเดิมและรายใหม่สามารถพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพ และช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเหมาะสม ไม่ส่งเสริมการก่อหนี้เกินตัว โดยมีแนวนโยบายที่สำคัญ เช่น
2.Open Infrastructure
เปิดกว้างให้ผู้ให้บริการกลุ่มต่าง ๆ เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินด้วยต้นทุนที่เหมาะสมและเป็นธรรม และผลักดันให้มีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญของประเทศและนำมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการแข่งขัน การพัฒนานวัตกรรม และการให้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้ดีขึ้น รวมทั้งสนับสนุนแนวนโยบายเพื่อเร่งให้ไทยเข้าสู่สังคมที่ใช้เงินสดและเช็คลดลง (less-cash society) และเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีแนวนโยบายที่สำคัญ เช่น
3.Open Data
เปิดกว้างให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลผ่านการผลักดันกลไกเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนที่มีอยู่กับผู้ให้บริการในการเลือกใช้หรือย้ายผู้ให้บริการได้โดยสะดวกด้วยต้นทุนที่เหมาะสม รวมทั้งให้เกิดการเชื่อมต่อฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันเก็บอยู่อย่างกระจัดกระจายที่หลายหน่วยงาน เพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถนำข้อมูลจากหลากหลายแหล่งไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินได้เต็มศักยภาพมากขึ้นภายใต้หลักธรรมาภิบาลข้อมูล
รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม อาทิ วิเคราะห์สินเชื่อโดยอิงกับข้อมูลพฤติกรรมและศักยภาพของผู้กู้เป็นสำคัญ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้กู้ (risk-based pricing) ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนและเอสเอ็มอี ที่มีประวัติทางการเงินไม่มากพอสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย