เศรษฐกิจจีนในปี 2564 ขยายตัวได้ที่ 8.1% สูงกว่าเป้าหมายที่ทางการตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 6% โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในปี 2565 จะขยายตัวได้ที่ 5% (กรอบคาดการณ์ 4.8-5.4%) (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
จีนตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนของมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัลหลักในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2568 จากเดิม 7.8% ในปี 2563(ซินหัว)
ธนาคารกลางของจีนลดดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี ถึง 2 ครั้ง ในรอบเพียง 2 เดือน และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีครั้งแรกตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 รวมถึงปรับลดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปี (Medium-term Lending Facility - MLF) เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 เช่นกัน
จีนจัดโอลิมปิกฤดูหนาวในช่วงวันที่ 4 - 20 ก.พ.นี้ ในฐานะเมืองแรกที่เป็นทั้งเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาวและเป็นการจัดที่ไม่เหมือนใครภายใต้ระบบปิดแบบบับเบิ้ลที่มีความยาวกว่า 200 กิโลเมตรตลอดการแข่งขันเพื่อจำกัดการติดเชื้อ
นโยบาย Zero Covid อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ซึ่งต้องติดตามว่า จีนจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือไม่
ว่ากันว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกหลังจากจ่อติดพญาอินทรีสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่กลับกันในปีที่แล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นจีนได้รับผลกระทบ จากมาตรการควบคุมการผูกขาดของบริษัเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนและหุ้นหัวทิ่มไปตามๆกัน บวกกับภาคอสังหาฯที่ประเดิมด้วยยักษ์ล้มอย่าง China Evergrand Group แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนจะยังเติบโตได้ดีก็ตาม
ปีที่แล้วจึงถือ เป็นปียอดแย่ของตลาดหุ้นจีน นักลงทุนผวา ผลงานกองทุนติดลบ แต่ทำไมหลายค่ายยังมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นจีนในปี 2022 หรืออาจเป็นเพราะผลงานย้อนหลังที่ยังดีอยู่สำหรับการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี
สำหรับ 5 อันดับกอง China Equity ที่มีผลตอบแทนสูงสุดย้อนหลัง 3 ปี พบว่า
นาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย บอกว่า หุ้นจีนปีนี้น่าสนใจกว่าหุ้นสหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลดีต่อหุ้นจีนหลักๆ จะมี 3 ด้านด้วยกันประกอบด้วย
อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดหุ้นจีนปีที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจจีนจะมีการเติบโตได้ดี แต่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลจีนออกมาตรควบคุมการผูกขาดทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ซึ่งในปีนี้ความเสี่ยงจากมาตรการนี้น่าจะลดลงหลังจากที่ผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับตัวและหาแนวทางในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับนโยบายของภาครัฐได้แล้ว
"การเติบของเศรษฐกิจจีนมาจากภาคการผลิตใหญ่สุด 50-60% เป็นพระเอกจากการฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว การส่งออกโตอย่างแข็งแกร่งแม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดบ้างแต่โดยรวมแล้วยังเติบโตได้ดี"นายนาวินกล่าว
ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีสัดส่วนของการเติบโต 20-25% ก็มีโครงการใหม่และกระจายการลงทุนอยู่ ขณะที่ภาคอสังหาฯที่มีผลกระทบขณะนี้น่าจะเริ่มคลี่คลายลงและภาครัฐน่าจะมีนโยบายออกมาเพื่อลดผลกระทบบ้างเหมือนกัน แต่เชื่อว่าทั้ง 2ส่วนคือการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานน่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ได้"
นาวินบอกว่า เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีน แม้จะยังมีความผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจทิศทางการดำเนินนโยบายของภาครัฐ อย่างไรก็ดี การดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งระดับราคาหุ้นที่ค่อนข้างต่ำจากราคาที่ลดลงมามากในปีที่แล้ว ประกอบกับพื้นฐานบริษัทที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้การลงทุนระยะยาวในจีนยังน่าสนใจเหนือประเทศอื่น
"นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักในพอร์ต สามารถทยอยเข้าสะสมเพิ่มเติมได้ เพื่อเฉลี่ยต้นทุน หรือสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาวได้ ส่วนนักลงทุนที่มีน้ำหนักหุ้นจีนในพอร์ตการลงทุนมากแล้ว ก็สามารถถือต่อเพื่อรอโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้"นายนาวินกล่าว
สรุปแล้ว หุ้นจีนน่าสนใจไม่น้อย แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจก็สามารถไตร่ตรองดูก่อนได้ เพราะถือเป็นความเห็นส่วนตัว แต่ถ้าใครรับความเสี่ยงได้เชื่อว่า ระยะยาวผลตอบแทนตลาดหุ้นจีนน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวถ้าดูจากการเติบโตเศรษฐกิจ