นายพงศ์สรร ยอดเมืองเจริญ ผู้อำนวยการส่วนบริหารผลิตภัณฑ์ TMBAM Eastspring เปิดเผยว่า ปีนี้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นทั่วโลก แม้จะยังมีแรงกดดันจากสถานการณ์โควิดอยู่บ้าง แต่จะเริ่มคลี่คลายในไม่ช้า ส่วนการดำเนินนโยบายของ Fed และอัตราเงินเฟ้อเชื่อว่า อาจส่งผลกระทบต่อ sentiment ไปบ้างในช่วงครึ่งปีแรกนี้ แต่อาจเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะอินเดียเมื่อราคาย่อตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนในระยะยาวดังนี้
อินเดียมีการเตรียมพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนไป ผ่านนโยบายดิจิตอลอินเดีย (Digital India) ตั้งแต่ปี 2015 โดยในขณะนั้นนายกฯ นเรนธรา โมดี ต้องการกระจายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปทั่วทุกพื้นที่ของอินเดีย เพื่อรองรับระบบการเงินทั่วโลกที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจดิจิตอล โดยปัจจุบันอินเดียมีสัดส่วนผู้ใช้ Smartphone ราว 30-35% เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ ซึ่งยังต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและจีนที่มีอัตราการใช้สูงกว่า 60% ทำให้ยังมีช่องให้สามารถเติบโตได้อีกมาก
หากพูดถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่มีบุคลากรที่พรั่งพร้อม ดังจะเห็นได้จากผู้บริหารในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกนั้นมีหลายคนเป็นอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น Parag Agrawal ที่ล่าสุดมารับตำแหน่งซีอีโอของ Twitter, Sataya Nadella ซีอีโอปัจจุบันของ Microsoft และ Sundar Pichai ซีอีโอปัจจุบันของ Google โดยปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้ อินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนธุรกิจ Startup สูงเป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองสหรัฐอเมริกา และจีน และคาดว่าในปี 2024 มูลค่าตลาดหุ้นอินเดียจะขึ้นมาเป็น 5 ของโลกแซงหน้าสหรัฐอาณาจักรและแคนาดา หาก Startup เหล่านี้เริ่มทยอยจดทะเบียนซื้อขายในตลาดมากขึ้น
ตลาดหุ้นอินเดียยังเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศและในประเทศซึ่งจะเห็นได้จาก Fund Flow ไหลเข้าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่มากถึง 4.1 และ 2.1 หมื่นเหรียญ โดยยังคงมีแรงผลักดันต่อจากการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้นภายหลังนายโมดียังได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ทำให้การดำเนินนโยบายการคลังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตที่ดีของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในอินเดียที่มาจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี, การเงิน, สินค้าฟุ่มเฟือย และ วัสดุ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ตลาดหุ้นอินเดียอาจเผชิญกับความผันผวนจากแรงกดดันที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหุ้นอินเดียยังถือว่ามีมูลค่าค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ และค่าเฉลี่ยในอดีต ดังนั้น นักลงทุนอาจใช้จังหวะการปรับฐานของตลาดหุ้นทยอยสะสมเพื่อถือครองในระยะยาวได้
สำหรับกองทุน TMBINDAE หรือ กองทุนเปิดทีเอ็มบี India Active Equity เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว คือ กองทุน Goldman Sach India Equity Portfolio นโยบายของกองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทในประเทศอินเดียที่มีคุณภาพและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงมีเป้าหมายเอาชนะดัชนี MSCI India IMI ในระยะยาว โดยเน้นคัดสรรการลงทุนแบบ Bottom Up จากทีมงาน local based ทำให้กองทุนนี้มีความโดดเด่นเรื่องการหาผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากหุ้นขนาดกลางและเล็ก