การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ดูเหมือนยิ่งแก้ ราคายิ่งเพิ่ม โดยเฉพาะหลังมีการนำสลากฯไปขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีการกว้านซื้อสลากฯ จำนวนมาก ส่งผลให้ราคาขายส่งพุ่งขึ้นตาม โดยเฉพาะเลขดังราคาพุ่งสูงถึงใบละ 250-350 บาท
ปัจจุบันมีจำนวนสลากฯ ออกจำหน่ายงวดละ 100 ล้านใบ ราคา 70.40 บาทต่อใบ แบ่งการจัดสรรเป็น 2 ส่วน คือ 31 ล้านใบจัดสรรให้ระบบตัวแทนจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วย สมาคม/องค์กร/มูลนิธิ บุคคลทั่วไปรายย่อย และผู้พิการ และอีก 69 ล้านใบ จัดสรรให้ระบบซื้อ-จองล่วงหน้า แบ่งเป็นสลากซื้อ 40,000 เล่ม และสลากจอง 650,000 เล่ม ซึ่งจะมีผู้ซื้อ-จอง ได้รับสลากไปขาย 138,000 รายทุกงวด จากจำนวนผู้ลงทะเบียน 155,356 ราย
เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากฯในราคาเกินกว่าที่กำหนด 21 คน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากฯ ในราคาเกินกว่าที่กำหนด รวมถึงเสนอแนะแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
ขณะที่คณะกรรมการ (บอร์ด) สลากกินแบ่งรัฐบาลได้ประกาศ 3 แนวทางแก้ไขการขายสลากเกินราคา คือ
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิตในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยว่า แนวทางที่ออกมา สนง.สลากฯ จะมีกระบวนการในการตรวจสอบสลากฯอย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งสลากฯทุกใบจะสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นของผู้ค้ารายใดและหากพบขายเกินราคา หรือไปขายบนแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ของสนง.สลากฯ จะทำการตัดโควตาทันที
“ในการประชุมบอร์ดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการกำหนดแกณฑ์คัดกรองผู้ค้าสลากให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งรูปแบบการตรวจสอบสลากเพื่อป้องกันการขายเกินราคา เชื่อว่า งวดวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายลวรณ กล่าว
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิตกล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาของสนง.สลากฯ เช่น การฝากขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ แอป “เป๋าตัง” นั้น ยังไม่ใช่ทางออก แม้ปัจจุบันมีผู้ใช้แอพ “เป๋าตัง” จำนวนมาก แต่ก็ยังมีผู้ที่ไม่ได้ใช้ หรือเข้าไม่ถึงอีกจำนวนมากเช่นกัน และผู้ค้าอาจฝากขายเฉพาะเลขไม่สวย
ขณะที่เลขสวยจะนำไปขายเอง หรือนำไปรวมชุด และขายเกินราคาเหมือนเดิม เช่นเดียวกับการเพิ่มร้าน 80 บาท อำเภอละ 1 จุด ทั่วประเทศ ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า จะทำให้ผู้ค้าอื่นลดราคาขายลงมาให้เหลือ 80 บาท
“ปัญหาหลักที่ทำให้สลากแพง คือ การรวมชุด และเป็นตัวสะท้อนว่า ยังมีรายใหญ่ หรือ วงจรเดิมๆอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป เพราะผลประโยชน์ตรงนี้เยอะมาก เช่น 1 ฉบับได้กำไร 10 บาท เท่ากับว่า 1 งวดจะมีกำไร 1 พันล้านบาท และกลายเป็นไปไล่จับรายย่อยแทนและการมีเลขหน้า 3 ตัว ยังเป็นการทำให้เลขเน่า เป็นเลขที่ขายได้ เป็นการช่วยรายใหญ่ให้ขายสลากฯได้” ผศ.ดร.วิษณุ กล่าว
ผศ.ดร.วิษณุแนะว่า ควรปรับรูปแบบการขายให้เป็นออนไลน์ทั้งหมด ขณะที่รางวัลเป็นรูปแบบ “ล็อตโต้ผสมล็อตเตอรี่” คือ เลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ให้ผู้ซื้อกรอกเลขที่ต้องการเอง จ่ายรางวัลแบบหารเฉลี่ยตามวงเงินของรางวัลที่ได้กำหนดไว้ ส่วนรางวัลที่ 1-4 ยังคงใช้รูปแบบล็อตเตอรี่และการจ่ายเงินรางวัลเหมือนเดิม
“ต้องปรับการขายเป็นแบบออนไลน์ให้หมด โดยขายผ่านตู้คีออส หรือแทบเล็ต สนง.สลากฯ เป็นผู้ลงทุน และให้ผู้ค้าทำการเช่าซื้อ ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ค้า ใครอยากขายก็ให้ขาย แต่ต้องเป็นรูปแบบนี้เท่านั้น ซึ่งแนวทางนี้ต้องใช้กับผู้ค้าทุกรายรวมทั้งผู้พิการด้วย”ผศ.ดร.วิษณุกล่าว
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,757 วันที่ 13 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565