ในช่วงแรกนั้น ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลง โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ดิ่งลงกว่า 200 จุด แต่ตลาดลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ม.ค.ซึ่งระบุว่า แม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ, ตลาดแรงงาน และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ แต่การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น จะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลในการประชุมแต่ละครั้ง โดยเฟดจะกลับมาประเมินไทม์ไลน์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมแต่ละครั้ง
ลู ไบรอัน นักวิเคราะห์จากบริษัท DRW Trading กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงหนุนในช่วงท้าย หลังรายงานการประชุมบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วและรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดถูกกดดันอย่างหนักจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้แสดงจุดยืนแข็งกร้าวด้วยการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ภายในเดือนก.ค.
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค. โดยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากการการเพิ่มขึ้นของยอดซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทะยานขึ้น 14.5%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 1.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 4.75% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.23% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.46% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดีดขึ้น 0.58%
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เปิดเผยว่า รัสเซียยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน แม้มีรายงานว่ารัสเซียได้ถอนกำลังทหารบางส่วนจากบริเวณดังกล่าวก็ตาม ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตือนเช่นกันว่า รัสเซียยังคงมีกำลังทหารมากกว่า 150,000 นายใกล้ชายแดนยูเครน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเอ็นวิเดีย (Nvidia), ซิสโก ซิสเต็มส์, แอพพลายด์ มาเทเรียลส์ และทริปแอดไวเซอร์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 1 จุด สู่ระดับ 82 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยดัชนีร่วงลงเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สต็อกบ้านในระดับต่ำ การพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง