*** จู่ๆ ตลาดหลักทรัพย์ ออกมาเตือนหุ้นขุดเหมืองบิตคอยน์ รวมถึงจับ ECF และ AJA เข้าไปติดแคชบาลานซ์ เจ๊เมาธ์กลับคิดว่า เป็นแค่การแก้ปัญหาปลายเหตุ
ข่าว ZIGA (ซิก้า อินโนเวชั่น ) บอกแค่ว่า บอร์ดอนุมัติให้ซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์เพิ่มอีก 200 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 200 เครื่อง และวางแผนจะติดตั้งเครื่องขุดบิตคอยน์ให้ได้ถึง 10,000 เครื่องภายในปี 65
ส่วนข่าว UPA ก็บอกว่า จะติดตั้งเครื่องขุดบิตคอยน์ให้ได้ 8,000 เครื่องที่ประเทศลาว ขณะที่ข่าวของ ECF ก็บอกว่า จะติดตั้งเครื่องขุดบิตคอยน์ให้ได้ 150 เครื่องก่อนที่จะพิจารณาในการเพิ่มจำนวนเครื่องอีกครั้ง ส่วนทางข่าวของ AJA ก็จะเริ่มต้นที่ 50 เครื่องและจะเพิ่มเป็น 200 เครื่องในอนาคต
กระแสเหมืองขุดบิตคอยน์ที่เคยดันให้ราคาหุ้นของ JTS (จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น) ซึ่งประกาศตัวธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ก่อนใคร วิ่งแรงขึ้นมาจากเดิมที่ราคาหุ้นไม่ถึง 2 บาท กลายมาเป็นราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นไปถึง 276 บาท, ZIGA UPA ECF และ AJA ก็เป็นการไล่ราคาโดยไม่สนใจผลการดำเนินงานจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่แต่อย่างใด
กรณีของ ZIGA ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเกือบ 4 เท่าตัว ในเวลาแค่ 7 วันทำการ ส่วนทาง UPA (บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย) ECF (บมจ.อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค) และ AJA (บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี) ต่างก็ราคาหุ้นวิ่งแรงจนชนราคาซิลลิ่งได้ในวันเดียวกับวันที่กระแสเหมืองขุดบิตคอยน์ถูกจุดพลุให้บูมขึ้นมา
เจ๊เมาธ์ อยากเตือนเสียงดังๆ ค่ะว่า นักลงทุนกำลังตกเป็นเหยื่อเกมปั่นราคาหุ้น โดยเฉพาะ ZIGA ที่ขึ้นมาหนักๆ เวลานี้ “เจ้า” แจกเงินไปเรื่อยๆ ยังออกหุ้นไม่ได้ แต่ถ้าออกของเมื่อไร ที่ขึ้นไป 2-3 ซิลลิ่ง ถึงตอนนั้น จะลงหลายฟลอร์ รายย่อยจะเจ็บหนักและเจ็บปวด เหมือนที่ “เจ้า” เคยสังหารหุ้นมาแล้วหลายตัว
*** ถ้านี่เป็นแผนการดำเนินธุรกิจโดยการทุ่มตลาดด้วยการลดค่าบริการและขยายสาขา จนทำให้บริษัทมีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นไปในแนวที่บริษัทแม่ของ KEX ได้วางแผนเอาไว้ดีแล้ว เจ๊เมาธ์ก็คิดว่า นอกจากจะควบคุมตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วผลการดำเนินงานของ KEX อาจจะสามารถฟื้นตัวได้ในอนาคต แต่ก็อย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไปว่ามุมมองของบริษัทแม่ของ KEX ซึ่งเน้นความสนใจในเรื่องของแผนการทางธุรกิจในระยะยาวมันแตกต่างไปจากมุมมองของนักลงทุนชาวไทย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของผลการเฉพาะหน้าหรือระยะใกล้ ดังนั้น เมื่อผลการดำเนินงานตกต่ำลง...ราคาหุ้นของ KEX จึงตกต่ำลงด้วยเช่นเดียวกัน
เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจจะลงทุนระยะยาว...ไปจนถึงยาวมาก บริษัทที่มีแผนการใหญ่ๆ อย่าง KEX ก็ถือว่าน่าสนใจมาก แต่ถ้าหากหวังระยะสั้นแบบเห็นผลได้ในเวลาว่าแค่ 6 เดือนหรือ 1 ปี เป้าหมายควรจะไม่มี KEX อยู่ในแผนได้แล้วเจ้าค่ะ
*** ถ้าจะมองง่ายๆ เรื่องของทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นอาจจะทำให้หุ้นลีสซิ่งอย่าง MTC SAWAD และ TIDLOR ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงมากขึ้น แต่สำหรับเจ๊เมาธ์...ตัวเจ๊เองกลับมองว่าดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลกระทบในทางบวกกับหุ้นลีสซิ่งใหญ่กลุ่มนี้มากกว่าที่จะมีผลในทางลบ เรื่องแรกคือทาง ธปท. ยังไม่มีนโยบายที่จะขึ้นดอกเบี้ยตามทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในระยะเวลาอันสั้นนี้ เรื่องที่สองคือ ดอกเบี้ยขาขึ้นจะทำให้ความต้องการการเข้าถึงแหล่งเงินกู้มีความสำคัญ และจะทำให้มีผู้เข้ามาขอใช้บริการเงินก็จากทั้ง MTC SAWAD และ TIDLOR มากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นเหตุให้รายได้ของบริษัทลีสซิ่งกลุ่มนี้มากขึ้น จนสามารถชดเชยส่วนขาดที่มาจากต้นที่สูงขึ้นได้ด้วย ดังนั้น เมื่อเห็นราคาหุ้นกลุ่มนี้ร่วงลงหนักๆ เจ๊เมาธ์จึงมองว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่จะได้เก็บของดีราคาถูกเข้ามา บอกเลยว่าราคาตอนนี้น่าสนใจจริงๆ ค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,758 วันที่ 17 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565