นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมนา หุ้นไทยปีขาล เสือคะนอง หรือ เสือลำบาก ว่า ภาพรวมการลงทุนในปีที่ผ่านมามองว่า ค่อนข้างดี เนื่องจากสามารถก้าวผ่านโควิดมาได้ดีพอสมควรด้วยAction ของธนาคารกลางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
สำหรับปี2565นี้ ปีนี้บล.ไทยพาณิชย์ตั้งสมมติฐาน 3 ข้อคือ 1 โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น 2 การท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับคืนมาแน่นอนเรามองว่า supply Disruptionที่เคยติดขัดในปีที่ผ่านมาปีนี้จะเริ่มดีขึ้น โดยปัจจัย3 ข้อนี้จะนำไปซึ่งการวางกลยุทธ์และการวางภาพเศรษฐกิจของบล.ไทยพาณิชย์ ดังนั้นเชื่อได้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะฟื้นกลับขึ้นมาเหมือนกับก่อนปีโควิดได้
ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น ทำให้คนเริ่มกลับมาทำงานมากขึ้น ทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลงมาจากการบริโภคสินค้าต่างๆที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาพของการลงทุนและผลการตอบแทนปีนี้อาจจะชะลอลงบ้างเนื่องจากนโยบายตื่นตัวขึ้นของธนาคารกลางหลักซึ่งเรามองกรอบไว้ที่1550-1750จุด
สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปีสภาพเศรษฐกิจยังถือว่าดูดี แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 สิ่งที่จะเกิดคืออาจจะมีการชะลอตัวลงบ้างเพราะการซึมซับนโยบายการเงินของประเทศต่างๆอาจจะทำให้โมเมนตัมมีการชะลอตัวลงมาก่อนที่จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพราะว่าตลาดน่าจะกลับมาจากการเปิดเมืองและการใช้ชีวิตมากขึ้นภาพเศรษฐกิจดีขึ้นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ดีขึ้น
สำหรับการลงทุนบล.ไทยพาณิชย์มองการลงทุนที่เป็นอนาคตมากขึ้น โดยบาล๊านซ์สัดส่วนการลงทุนที่ผสมระหว่างหุ้นปัจจุบันและหุ้นที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“สำหรับหุ้น 5 ตัวที่เราคัดมาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือหุ้นที่เติบโตตามตลาด ที่เราเลือกมาก็คือ Kbank ซึ่งเป็นผู้นำตลาดการเงินดิจิตอลและผลประกอบการปีนี้ค่อนข้างเติบโต หุ้นตัวต่อมาคือ LH (Land and House) ซึ่งได้อานิสงส์จากการผ่อนปรน LTV ทำให้ภาพรวมอสังหาปีนี้เติบโตมากขึ้น และหุ้นตัวสุดท้ายคือ Gulf ซึ่งนอกจากกำลังการผลิตจะเติบโตอย่างน่าสนใจแล้วยังมีธุรกิจอื่นๆที่จะช่วยหนุนการเติบโตได้ดี
ขณะที่ฝั่งของหุ้น New S-curve เรามอง ADVANC ซึ่งหลังจากเข้าซื้ออินทัชก็ส่งให้ผลประกอบการโตขึ้นมาก และ ONEE ซึ่งได้รับอานิสงค์จาก NFTต่างๆที่อยู่บนโลกดิจิทัลซึ่ง ONEE เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์จึงมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นเดียวกัน”