นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)หรือ BANPU เปิดเผยว่า บ้านปูเร่งขยายพอร์ตโฟลิโอด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในประเทศเวียดนาม ผ่านบริษัท BRE Singapore Pte.Ltd.(BRES)ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Banpu NEXT ที่บ้านปูถือหุ้น 50% โดย BRES ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Shares Subscription Agreement: SSA) เพื่อเข้าซื้อหุ้นในอัตรา 49.04% ของ Solar Esco Joint Stock Company
การเข้าถือหุ้นใน Solar Esco ด้วยมูลค่าการลงทุน 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 466 ล้านบาท) ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและขยายแพลต์ฟอร์มพลังงานฉลาดของบ้านปู เพื่อเสริมสร้างธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในการขยายตลาดและฐานลูกค้าในต่างประเทศ นอกจากนั้น การสร้างพันธมิตรในครั้งนี้ยังส่งผลให้ดีต่อโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอนาคต เช่น การผลิตแผงโซลาร์ ระบบไมโครกริดบนเกาะ กังหันลมขนาดเล็ก และโซลูชันสมาร์ทโฮม
"Solar Esco เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของเวียดนามที่ให้บริการแพลตฟอร์มโซลาร์รูฟท็อปแบบครบวงจร โดยคาดว่า กระบวนการซื้อขายจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่สองของปี 2565 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมอัตราเร่งเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่จะมี EBITDA มากกว่า 50% จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานภายในปี 2568" นางสมฤดีกล่าว
ทั้งนี้ บ้านปูได้เข้าลงทุนพอร์ตพลังงานสะอาดในเวียดนามอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีกำลังการผลิตรวม 218 เมกะวัตต์ ส่วนการลงทุนในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายขอบข่ายพอร์ตพลังงานสะอาดของบริษัทฯ สู่ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในเวียดนามเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซลาร์รูฟท็อปแบบครบวงจร
ส่งผลให้เกิดการประสานพลังระหว่างบ้านปู และ Solar Esco เพื่อส่งเสริมจุดแข็งและต่อยอดธุรกิจซึ่งกันและกัน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ Greener & Smarter และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศด้านพลังงานของบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น และยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที
ทั้งนี้ Solar Esco Joint Stock Company เป็นบริษัทด้านพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของเวียดนาม ที่ให้บริการแพลตฟอร์มโซลาร์รูฟท็อปแบบครบวงจร ซึ่งครอบคลุมทั้งการวางแผน การพัฒนา ตลอดจนให้บริการแบบ EPC (Engineering, Procurement and Construction)ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้ง
รวมถึงการให้บริการ O&M เดินระบบและดูแลบำรุงรักษาโซลาร์เซลล์ ด้วยประสบการณ์ 15 ปี ในการให้บริการและทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรที่หลากหลายทั่วประเทศ ทั้งศูนย์การค้า โรงงานและนิคมอุตสาหกรรม และคลังสินค้า โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 20.4 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตที่อยู่ในแผนอีก 106 เมกะวัตต์
“การขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่เราดำเนินการควบคู่ไปกับแผนการสร้าง New S-Curve รวมถึงลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ เพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจของบ้านปู เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 6,100 เมกะวัตต์ และสัดส่วน EBITDA จากกลุ่มธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานมากกว่า 50% ในปี 2568"นางสมฤดีกล่าว