FETCO มองศึกยูเครนกระทบระยะสั้น มั่นใจหุ้นไทยเป็นขาขึ้นคงเป้า 1800 จุด

07 มี.ค. 2565 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2565 | 15:26 น.

FETCO มองหุ้นไทยยังแกร่ง ปัจจัยบวก "ศก.ฟื้น-มาตรการกระตุ้น-ฟันด์โฟลว์" วิเคราะห์ศึกรัสเซีย-ยูเครนกระทบระยะสั้น มั่นใจหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น คงเป้า SET ปีนี้ื 1800 จุด แต่ราคาน้ำมันต้องไม่แพงมากไป

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่าขณะนี้แม้ตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่คาดจะส่งผลกระทบระยะสั้น โดยภาพรวมหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่ง จากปัจจัยการฟื้นตัวของศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ และการเลือกตั้งใหม่ที่คาดจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ บวกกับเงินทุนต่างชาติที่ยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมุมมองดัชนีหุ้นไทย (SET )ทั้งปีที่ 1,800 จุด แต่ต้องอยู่บนราคาพลังงานที่ไม่สูงจนเกินไป 

 

ขณะที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นในรอบนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงไปสู่จุดต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนราว 8% ใกล้เคียงกับสถิติในอดีต โดยปัจจัยเสี่ยงจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ว่าจะถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปหรือไม่นั้น เพราะถือเป็นกระเป๋าเงินใหญ่สุดของรัสเซีย มองว่าการจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมได้นั้น สหรัฐและชาติพันธมิตรจะต้องมีการหารือกับทางโอเปกก่อน จึงยังไม่น่าจะดำเนินการได้เร็วและหากแก้ปัญหาตรงนี้ได้ทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้มีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้น
 

"คาดว่าในระยะกลาง ดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นมาได้และเชื่อว่าปลายปีนี้ ยังเป็นขาขึ้น ดังนั้นนักลงทุนระยะกลาง-ยาว สามารถลงทุนได้ แต่ระยะสั้นแนะนำลงทุนในทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หรือเงินดอลลาร์ในช่วงที่มีสงครามฯ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยที่สุด" นายไพบูลย์ กล่าว
 

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนและมาตรการตอบโต้ด้านการค้าและการเงินของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซี่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและกระทบเรื่องอัตราเงินเฟ้อจากราคาพลังงาน  โดยเฉพาะในกลุ่มยูโรโซนซึ่งมีการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

 

นอกจากนี้ ความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงมาก อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น และไทย ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่น่าติดตาม ในส่วนของปัจจัยในประเทศได้แก่ การรับมือของภาครัฐต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน นโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะถัดไป และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
 

FETCO  เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน ก.พ.65 สรุปได้ดังนี้
           

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.65) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 20.4%  มาอยู่ที่ระดับ 113.03
  • ดัชนีความเชื่อมั่นนักรายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ "ทรงตัว"  ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ "ร้อนแรง"
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)  
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความคาดหวังเงินทุนไหลเข้า
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดใน รัสเซีย-เครน

         

ทั้งนี้ผลสำรวจ ณ เดือน ก.พ.65 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า

 

  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับลด 25.6% อยู่ที่ระดับ 90.53
  • กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 18.7% อยู่ที่ระดับ 128.57
  • กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 24.4% อยู่ที่ระดับ 94.44
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 185.7% มาอยู่ที่ระดับ 142.86
     

 

FETCO มองศึกยูเครนกระทบระยะสั้น  มั่นใจหุ้นไทยเป็นขาขึ้นคงเป้า 1800 จุด