thansettakij
คว่ำบาตรรัสเซีย พลิกบัญชีดำ-เปิดขุมทรัพย์ “VIPหมีขาว” คนใกล้ชิดปูติน

คว่ำบาตรรัสเซีย พลิกบัญชีดำ-เปิดขุมทรัพย์ “VIPหมีขาว” คนใกล้ชิดปูติน

06 มี.ค. 2565 | 23:54 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2565 | 14:17 น.

นอกจาก "โรมัน อับราโมวิช" เศรษฐีรัสเซียที่กำลังประกาศขายสโมสรเชลซีแล้ว โลกได้รู้จักบรรดาชนชั้นวีไอพีแถวหน้าของรัสเซียอีกจำนวนมาก ในฐานะบุคคลที่ตกเป็นเป้าการ "คว่ำบาตร" จากชาติตะวันตกหลังจากที่รัสเซียได้เปิดฉากโจมตียูเครน

สำนักข่าวบีบีซี สื่อใหญ่ของอังกฤษ เปิดประวัติ บรรดา “อภิมหาเศรษฐี” ที่เรียกขานกันว่า “โอลิกาก” (Oligarch) ในภาษารัสเซีย  พวกเขาคือ นักธุรกิจระดับวีไอพี ที่คาดว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนวงในของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย รายชื่อของพวกเขาเริ่มปรากฏเป็นข่าวในระยะหลัง ๆนี้ ในฐานะบุคคลที่ถูกชาติตะวันตกอันประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรหลังจากที่ รัสเซีย ตัดสินใจเปิดศึกรุกราน ยูเครน

 

สื่อตะวันตกมักใช้คำ “โอลิกาก” นี้ กับบรรดา “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและร่ำรวยของรัสเซีย” แม้ว่ามันจะมีรากศัพท์ที่มาจากภาษากรีกก็ตาม บุคคลเหล่านี้สร้างความมั่งคั่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากการแปรรูปรัฐวิสหากิจ ภายหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

 

หลายปีก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีปูตินได้เตือนบรรดาบุคคลที่เป็นพันธมิตรของเขาแล้วว่า พวกเขาควรจะหาทางปกป้องตัวเองจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหรัฐและอียูเสื่อมทรามลง หลังจากที่รัสเซียผนวกดินแดนไครเมียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2557

 

ขณะที่คนเหล่านี้บางคนก็เชื่อคำเตือน ทำการลงทุนเฉพาะในรัสเซีย แต่อีกหลายคนก็ยังคงไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ รวมทั้งสโมสรฟุตบอลในอังกฤษด้วย นอกจากนี้ บริษัทรัสเซียหลายแห่งซี่งเป็นของนักธุรกิจชั้นแนวหน้าที่มีความใกล้ชิดผู้นำรัสเซีย ก็ยังคงเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ

ผลพวงจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกที่ประกาศใช้กับรัสเซียและถือว่าเข้มข้นที่สุดในยุคนี้ ทำให้กลุ่ม “โอลิกาก” ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียสินทรัพย์ในต่างประเทศไป ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาอภิมหาเศรษฐีรัสเซียเหล่านี้ว่ามีใครบ้าง และมาตรการคว่ำบาตรกระทบต่อสินทรัพย์ของเขาเพียงใด รวบรวมไว้โดยสำนักข่าวบีบีซี

 

อลิเชอร์ อุสมานอฟ (Alisher Usmanov)

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ราว 17,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดนมาตรการคว่ำบาตรจาก สหรัฐ อียู และอังกฤษ

อุสมานอฟ (ซ้าย) กับประธานาธิบดีปูติน อุสมานอฟ (ซ้าย) กับประธานาธิบดีปูติน

กล่าวกันว่าอลิเชอร์ อุสมานอฟเป็นหนึ่งในอภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลที่ปูตินชื่นชอบ ตามข้อมูลของฟอร์บส์ ระบุว่า อุสมานอฟเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในรัสเซีย มีสินทรัพย์รวมประมาณ 17,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อดีตนักกีฬาฟันดาบอาชีพผู้นี้เป็น "นักธุรกิจ-เจ้าหน้าที่" (business-official) ซึ่งเข้าช่วยปูตินเมื่อประสบปัญหาในด้านธุรกิจ

 

อุสมานอฟเกิดที่อุซเบกิสถานเมื่อครั้งที่ยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ธุรกิจหลักของเขาคือ “ยูเอสเอ็ม โฮลดิ้งส์” เครือข่ายธุรกิจขนาดยักษ์ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นเจ้าของ “เมกาโฟน” บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่เป็นอันดับสองในรัสเซีย

 

อียูประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเขาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ตามมาด้วยสหรัฐ และอังกฤษ อุสมานอฟบอกว่าการคว่ำบาตรครั้งนี้ไม่ยุติธรรม และข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่มีต่อเขาก็เป็นเท็จทั้งหมด

 

ยูเอสเอ็ม โฮลดิ้งส์ กำลังหวังว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงจากการคว่ำบาตรครั้งนี้ของอียู เพราะอุสมานอฟถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวต่ำกว่า 50% ขณะที่เรือซูเปอร์ยอทช์ของอุสมานอฟที่มีชื่อว่า "ดิลบาร์" ซึ่งตั้งตามชื่อมารดาของเขา ตอนนี้อยู่ในอู่ซ่อมบำรุงในเมืองฮัมบวร์กของเยอรมนี ก็มีความเสี่ยงด้วยว่าจะถูกยึดด้วย

ส่วนสินทรัพย์ในอังกฤษ อุสมานอฟลงทุนหลัก ๆ ในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น “บีชวูด เฮาส์” คฤหาสน์พร้อมที่ดินมูลค่า 65 ล้านปอนด์ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน ส่วนที่เซอร์เรย์ที่อยู่นอกลอนดอน เขาเป็นเจ้าของ "ซัตตัน เพลส" คฤหาสน์สไตล์ทิวดอร์ ทรัพย์สินทั้งสองรายการนี้ถูกทางการอังกฤษอายัดไว้แล้ว

 

นอกจากนี้ ธุรกิจของเขา ได้แก่ ยูเอสเอ็ม เมกาโฟน และโยตา ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตันของฟาร์ฮัด โมชิรี ซึ่งก็เป็นหนึ่งในคู่ค้าของอุสมานอฟด้วย และมีรายงานว่าทั้งคู่มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก จึงทำให้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2 มี.ค.) สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตันต้องออกมาประกาศยุติสัญญาสปอนเซอร์กับธุรกิจของเขา ในขณะเดียวกันโมชิรีก็ได้ลาออกจากคณะกรรมการของยูเอสเอ็มด้วย

 

โรมัน อับราโมวิช (Roman Abramovich)

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ราว 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยังไม่ถูกคว่ำบาตร จากฝ่ายใด

โรมัน อับราโมวิช (ซ้าย) กับผู้นำรัสเซีย โรมัน อับราโมวิช (ซ้าย) กับผู้นำรัสเซีย

อับราโมวิชเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของสโมสรฟุตบอลเชลซีของเขา แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ถูกคว่ำบาตร อาจเป็นเพราะเขาดูไม่มีอิทธิพลมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับพันธมิตรคนอื่น ๆ ของประธานาธิบดีปูติน

 

อับราโมวิชปฏิเสธเสมอว่าไม่ได้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำนายปูติน หรือทางการรัสเซีย อย่างไรก็ตามสินทรัพย์ของเขามูลค่าราว 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงหากว่าเกิดการคว่ำบาตรขึ้นมาจริง ๆ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา เขาประกาศว่าอาจจะขายสโมสรเชลซีออกไปในราคา 3,000 ล้านปอนด์ และยังมีรายงานด้วยว่าบ้านพักมูลค่า 150 ล้านปอนด์ของอับราโมวิช ในย่านเคนซิงตัน พาเลซ การ์เดนส์ ในกรุงลอนดอนก็ถูกประกาศขายแล้ว

 

อับราโมวิชสร้างตัวขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1990 และเป็นหนึ่งในโอลิกากรุ่นแรกในช่วงที่นายบอริส เยลต์ซินเป็นประธานาธิบดีรัสเซีย ความสำเร็จครั้งใหญ่ของเขาก็คือสามารถเข้าซื้อบริษัทน้ำมันซิบเนฟท์ได้ในราคาแสนถูก ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ ของเขา ได้แก่ เรือยอชต์ที่มีขนาดยาวเป็นอันดับสามของโลกชื่อว่า "อีคลิปส์" (Eclipse) ซึ่งเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) ได้แล่นออกจากหมู่เกาะบริติช เวอร์จินไปแล้ว ส่วนเรือยอชต์ลำใหญ่อีกลำที่ชื่อ "โซลาริส" (Solaris) ยังคงเทียบท่าอยู่ในนครบาร์เซโลนาของสเปน

 

หลายปีที่ผ่านมา เขาเริ่มถอนตัวจากอังกฤษ โดยในปี 2018 (พ.ศ.2561) เขาตัดสินใจที่จะไม่ต่อวีซ่าอังกฤษ และใช้หนังสือเดินทางของอิสราเอลเล่มใหม่เพื่อเดินทางมายังกรุงลอนดอนแทน และตอนนี้เขาไม่ค่อยปรากฏตัวที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ของสโมสรฟุตบอลเชลซีเหมือนแต่ก่อนที่เขาจะต้องเข้าชมเกมการแข่งขันทุกครั้ง

 

โอเลก เดริปาสกา (Oleg Deripaska)

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถูกคว่ำบาตรโดย สหรัฐอเมริกา

โอเลก เดริปาสกา (ขวา) โอเลก เดริปาสกา (ขวา)

เมื่อประธานาธิบดีปูตินขึ้นสู่อำนาจ โอเลก เดริปาสกาก็ร่ำรวยมหาศาลมีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงสุดราว 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้คาดกันว่าเขามีสินทรัพย์รวมแค่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

 

เขาสร้างตัวเองจนร่ำรวยในช่วงทศวรรษ 1990 หลังต้องฟาดฟันอย่างดุเดือดในสงครามธุรกิจของอุตสาหกรรมอลูมิเนียม สหรัฐกล่าวว่าเขาพัวพันกับการฟอกเงิน การติดสินบน การกรรโชกทรัพย์ และการฉ้อโกง มีรายงานกล่าวหาเขาว่าเป็นผู้สั่งการสังหารนักธุรกิจรายหนึ่ง และยังเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมของรัสเซียอีกด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

 

ในวิกฤตการเงินปี 2008 (2551) อาณาจักรธุรกิจของเขาถูกกระทบอย่างหนัก เขาต้องการความช่วยเหลือจากประธานาธิบดีปูติน แต่ก็เหมือนจะเกิดขัดแย้งกับปูตินเพราะในปี 2009 (2552) ปูตินทำให้เขาได้อับอายด้วยการพูดในที่สาธารณะว่าเขาขโมยปากกาไป อย่างไรก็ตาม เขาก็น่าจะสามารถกลับมาสานสัมพันธ์กับท่านผู้นำได้อีกครั้ง ในรายงานการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอของสหรัฐ ที่สืบสวนว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 (2559) หรือไม่ ระบุว่าเดริปาสกามีความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำรัสเซีย

 

เขาก่อตั้งบริษัทชื่อเอ็นพลัส กรุ๊ป (En+ Group) ซึ่งทำธุรกิจพลังงานสะอาดและโลหกรรม ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ต่อมาได้ลดการถือหุ้นลงต่ำกว่า 50% เมื่อถูกสหรัฐคว่ำบาตรในปี 2018 ในช่วงเวลานั้น เบสิก อีเลเมนท์ (Basic Element) อันเป็นหนึ่งในบริษัทของเขาออกแถลงการณ์ว่า "การคว่ำบาตรไม่มีมูลเหตุ น่าขัน และเลื่อนลอย"

 

เดริปาสกายังเป็นเจ้าของอาคารสไตล์อาร์ตเดคโคขนาดใหญ่ "แฮมสตัน เฮาส์"ในเมืองเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ เขาพยายามขายมันออกมาในราคา 18 ล้านปอนด์นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและรัสเซียเสื่อมทรามลงจากการปองร้ายสายลับรัสเซียสองพ่อลูกตระกูลสกริปาลด้วยการวางยาพิษเมื่อปี 2018 (2561) นอกจากนี้เขายังมีเรือยอชต์ 1 ลำชื่อ "คลิโอ" (Clio) ที่เมื่อวันพุธ (2 มี.ค.) อยู่ในมัลดีฟส์

 

นักธุรกิจรายนี้ต่างกับผู้ทรงอิทธิพลของรัสเซียรายอื่น ๆ ที่โดนคว่ำบาตร เพราะเขาออกมาเรียกร้องสันติภาพในสงครามครั้งนี้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่า "การเจรจา(สันติภาพ)จะต้องเริ่มขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

 

อิกอร์ เซชิน (IGOR SECHIN)

ไม่ทราบมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ

ถูกคว่ำบาตรโดย สหรัฐอเมริกาและอียู

อิกอร์ เซชิน อิกอร์ เซชิน

อียูประกาศคว่ำบาตรอิกอร์ เซชินเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเขามีสายสัมพันธ์ยาวนานและลึกล้ำกับประธานาธิบดีปูติน เชื่อกันว่าเขาเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิด ซึ่งผู้นำรัสเซียเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่ง และก็ยังเป็นเพื่อนสนิทที่น่าจะมีการติดต่อพูดคุยกันอยู่ทุกวัน

 

ในรัสเซีย มีการให้สมญาเขาว่า “ดาร์ธ เวเดอร์” ซึ่งเป็นชื่อตัวละครในภาพยนตร์สตาร์วอร์ เชื่อว่าสมญานามนี้อาจมาจากความโหดร้ายของเขาในการจัดการกับคู่แข่ง เอกสารสื่อสารภายในของสถานทูตสหรัฐที่รั่วไหลออกมาในปี 2008 (2551)  ระบุว่า เซชินเป็นบุคคลลึกลับเสียจนมีเรื่องตลกเล่ากันว่าเขาอาจจะไม่มีตัวตนจริง ๆ แต่เป็นเรื่องที่ทางการรัสเซียแต่งขึ้นเพื่อสร้างความกลัวขึ้นในจิตใจ

 

ทางการสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรต่อเซชินเมื่อปี 2014 (2557) ซึ่งทำให้เซชินออกมาบอกว่า"การคว่ำบาตรนี้ไร้เหตุผลอย่างยิ่งและผิดกฎหมาย" ต่อมาในวันที่ 24 ก.พ.2565 สหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเซชินเพิ่มเติม

 

ดาร์ธ เวเดอร์แห่งรัสเซียผู้นี้เปลี่ยนหน้าที่การงานไปมาระหว่างตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองและทางธุรกิจ บางทีเขาก็ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทั้งในด้านการเมืองและธุรกิจในคราวเดียวกัน เมื่อปูตินเป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งปัจจุบันของเขาก็คือ ผู้บริหารของบริษัทรอสเนฟท์ รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย

 

เซชินทำงานร่วมกันปูตินมาในสำนักงานนายกเทศมนตรีของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในช่วงทศวรรษ 1990 และเชื่อกันว่าเขาเคยทำงานในเคจีบี หรือสำนักงานข่าวกรองของรัสเซียด้วย แต่เซชินก็ไม่เคยออกมายอมรับเรื่องนี้

 

เนื่องจากธุรกิจของเขาทั้งหมดอยู่ในรัสเซียจึงไม่มีใครรู้เลยว่าเซชินมีสินทรัพย์ทั้งหมดเท่าไร มีอะไรบ้าง ทางการฝรั่งเศสเคยยึดเรือยอชต์ชื่อ "อมอเร เวโร" ที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเขา เพราะโอลกา เซชินา ภรรยาคนที่สองของเขามักลงรูปของเธอขณะอยู่บนเรือลำนี้เสมอ หลังจากเรือโดนยึด ทั้งสองคนก็หย่ากันไป นอกจากนั้นแล้ว ร่องรอยของสินทรัพย์ของเขาในต่างประเทศก็ปรากฎน้อยมาก จนยากที่จะสืบค้นและยึดทรัพย์สินเหล่านั้น

 

อเล็กเซ มิลเลอร์ (Alexey Miller)

ไม่ทราบมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ

ถูกคว่ำบาตรโดย สหรัฐอเมริกา

อเล็กเซ มิลเลอร์ (ซ้าย) เพื่อนเก่าท่านผู้นำ อเล็กเซ มิลเลอร์ (ซ้าย) เพื่อนเก่าท่านผู้นำ

อเล็กเซ มิลเลอร์เป็นเพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งของประธานาธิบดีปูติน เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งสร้างฐานะขึ้นมาจากความภักดีที่มีต่อท่านผู้นำ มิลเลอร์เคยเป็นผู้ช่วยของปูตินในคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสำนักงานนายกเทศมนตรีนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กช่วงทศวรรษที่ 1990

 

เขาเป็นผู้บริหารของบริษัทก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันที่ทรงอิทธิพลมากมาตั้งแต่ปี 2001 (2544) ซึ่งการแต่งตั้งเมื่อคราวนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ และพูดกันว่าเขาไม่น่าจะมีความสามารถในการบริหารอะไรนอกจากทำไปตามคำสั่งของนายเก่าเท่านั้น จะเห็นได้จากการที่ทูตสหรัฐประจำกรุงมอสโกรายงานว่าก๊าซพรอม "ไม่มีประสิทธิภาพ เดินไปตามทิศทางการเมือง และเต็มไปด้วยการฉ้อฉล"

 

มิลเลอร์ไม่ได้ถูกคว่ำบาตรในช่วงที่รัสเซียผนวกไครเมียในปี 2014 (2557) แต่ในปี 2018 สหรัฐได้เพิ่มชื่อเขาในบัญชีคว่ำบาตร มิลเลอร์โต้ตอบด้วยการบอกว่า เขาภูมิใจ "ตอนที่ไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีคว่ำบาตรครั้งแรก ผมก็สงสัยว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่ในที่สุดชื่อผมก็ถูกรวมเข้าไปแล้ว ก็แปลว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"

 

การตามสืบว่าเขามีสินทรัพย์นอกรัสเซียบ้างหรือไม่เป็นเรื่องยากมาก และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขความมั่งคั่งของเขาเลย

 

ปีเตอร์ เอเวน( Pyotr Aven /Petr Aven) และมิคาอิล ฟริดแมน (Mikhail Fridman)

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ของเอเวนอยู่ที่ราว 4,800 ล้านดอลลารสหรัฐ

ส่วนฟริดแมน มีสินทรัพย์รวมราว 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งสองคนถูกคว่ำบาตรโดย อียู

ปีเตอร์ เอเวน (ซ้าย) และมิคาอิล ฟริดแมน ปีเตอร์ เอเวน (ซ้าย) และมิคาอิล ฟริดแมน

อียูระบุว่า ปีเตอร์ เอเวน เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่มีสนิทสนมกับปูติน ส่วนมิคาอิล ฟริดแมนนั้นเป็นคนสนิทของคนวงในของท่านผู้นำ ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “อัลฟา- แบงก์” อันเป็นธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย

 

ในรายงานการสอบสวนของนายมุลเลอร์ เอเวนพบกับปูตินที่เครมลินราวสี่ครั้งต่อปี รายงานระบุด้วยว่าในการพบกันนี้ความคิดเห็นหรือข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ปูตินกล่าวกับเอเวนคือคำสั่ง และหากเขาไม่ทำตามก็อาจจะส่งผลร้ายตามมา

 

ในปี 2016 (2559) ปูตินเคยเตือนทั้งสองคนให้ปกป้องผลประโยชน์และทรัพย์สินของพวกเขาให้พ้นจากการคว่ำบาตรอาจเกิดขึ้น และเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา หุ้นของพวกเขาใน “เลตเตอร์วัน” กลุ่มบริษัทลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน ถูกอายัดโดยคำสั่งคว่ำบาตรของอียู ทำให้ทั้งสองคนต้องออกจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว และเอเวนก็ลาออกจากการเป็นกรรมการในราชบัณฑิตยสถานด้านศิลปะในกรุงลอนดอนด้วย

 

ทั้งสองคนออกมาบอกว่าจะประท้วงการใช้มาตรการคว่ำบาตรของอียูที่ไร้พื้นฐานความเป็นจริง โดยจะใช้ทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้

 

ฟริดแมน ซึ่งคาดกันว่ามีมูลค่าทรัพย์สินราว 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น อาศัยอยู่ในบ้านที่กรุงลอนดอน รวมทั้งมีอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตอีกแห่งทางตอนเหนือของกรุงลอนดอนที่ซื้อมาด้วยราคา 65 ล้านปอนด์ด้วย

 

ในการแถลงข่าวที่ลอนดอนเมื่อวันอังคาร (1 มี.ค.) เขากล่าวว่าสงครามในยูเครนเป็น "โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่" แต่ก็ไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ทางการเครมลินอย่างเปิดเผยเพราะถ้าทำเช่นนั้นอาจทำให้พนักงานหลายแสนต้องตกงานก็เป็นได้

 

ที่มา สำนักข่าวบีบีซี