Mindset แปลเป็นไทยว่า กรอบความคิด นักลงทุนเก่งๆหลายคนและนักวิชาการในด้านอื่นๆ ให้ความสำคัญมาก แต่กลับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เนื่องจากแต่ละคนก็ให้คำจำกัดความ หรือ คำอธิบายที่ไม่เหมือนกัน และเป็นเรื่องของจิตใจที่ต้องปรับให้เข้ากับวิธีการ และต้องสู้กับนิสัยและความเคยชินดั้งเดิมของตัวเอง
โดยสรุปให้เข้าใจง่าย การฝึก mind set ก็คือ การปรับนิสัยและทัศนคติของตนเอง เพื่อให้เข้ากับระบบการลงทุน การดำเนินชีวิตของตนเอง ซึ่งนักลงทุนมีทางเลือกในเบื้องต้นคือ ปรับระบบการลงทุนให้เข้ากับตัวเอง และ ปรับนิสัยตัวเองให้เอื้ออำนวยกับธรรมชาติระบบการลงทุนนั้นๆ
ในฝั่งของการปรับ mind set หรือ สร้าง mind set นั้น ขั้นตอนที่แนะนำมีดังนี้
การเล่นเกมส์ การทำกิจกรรม สร้างสถานการณ์สมมติ ก็สามารถเราทำให้เราเห็นจุดบอดง่ายขึ้น การทำแบบทดสอบบุคลิกภาพต่างๆ เป็นอีกวิธีที่ทำให้สามารถค้นหาตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้น และทำให้แยกความแตกต่างในลักษณะที่เราเป็นและลักษณะของคนอื่นได้ด้วย ซึ่งในขณะที่ทำ สิ่งที่ต้องแยกแยะให้ได้คือเวลา ต้องแยกให้ได้ว่า ตัวจริงเรานั้นเป็นอย่างไร และอุดมคติที่เราอยากให้เราเป็นนั้นเป็นอย่างไร เพราะจะสับสนได้ง่ายว่า เราเป็นแบบนั้นแล้ว หรือกำลังจะเป็นแล้ว
เราอาจสามารถอ้างอิงนิสัยส่วนตัวมาเทียบกับนิสัยในการลงทุนได้ เช่น เป็นคนเข้าถึงสถานการณ์และปรับตัวได้เร็ว ตั้งสติได้เร็ว ปล่อยวางได้เร็ว ไม่คิดเล็กคิดน้อยอาจดูห้วนๆ เมื่อดูจากบุคลิกทั่วไป แต่อาจเหมาะกับการ เทรดในแทบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเทรดเร็ว เพราะมีนิสัยเดิมเอื้ออำนวยมาอยู่แล้ว
ขณะที่คนอีกแบบที่ต้องพยายามทำให้ครบขั้นตอน รู้สึกไม่ดีถ้าทำงานผิดขั้นตอน ซึ่งอาจเนื่องจากรายละเอียดอาชีพที่ทำอยู่ก็อาจลงทุนในแบบที่ช้ากว่าแล้วสบายใจกว่า แต่ก็อาจแลกมากับผลตอบแทนที่น้อยลงด้วย หรือการเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากเกินไปทำให้เชื่อคนง่ายลงทุนตามคนอื่น ไม่เห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงด้วยตัวเอง คล้อยตามคนอื่นง่ายไม่เกิดความรู้ความคิดเป็นของตัวเอง ก็เป็นตัวอย่างที่จะต้องเก็บมาเพื่อหาสาเหตุและปรับปรุง เมื่อเราทราบนิสัยของตัวเองแล้วก็นำข้อเสียมาปรับปรุง
หรือ เวลาที่ได้กำไรมากๆ หรือชนะต่อเนื่อง แล้วดีใจมากจนเกิดปัญหา เช่น มั่นใจจน overtrade หรือ ยึดติดกับความสำเร็จแล้ว จิตตกเวลาที่ทำไม่ได้เหมือนเดิม อาจต้องพยายามคุยกับตัวเองเวลาดีใจว่า เพราะเรามั่นคงในวิธีการ(process) ซึ่งเราวางแผนไว้ใน method ความสำเร็จจึงเกิด อย่าเพิ่งให้ความสำคัญกับ (result) ในระยะสั้นมาก และต้องพยายามต่อไปจนกว่าจะถึงเป้าหมายหลัก เป็นต้น
ในขณะที่การพูดกับผู้อื่นและให้นิยามสิ่งอื่นๆก็จะเป็นไปในทางปรับมุมมองในแง่มุมที่ดี เช่น การลงทุนคือการทำงาน (ไม่ใช่บอกว่า”เล่นหุ้น”เพราะเราจะไม่ตั้งใจ) และการทำงานคือ การทำความดีต่อตัวเองและคนรอบตัว การมองชีวิตผู้อื่นแบบเปิดกว้างเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ปรับปรุงมุมมองได้ เพื่อเอื้อต่อการเรียนรู้ความนึกคิดแบบอื่นที่ไม่เหมือน ที่เราเป็นและเอามาใช้ประโยชน์
หรือ ลดอัตตาตัวตน และลดผลกระทบจากคนอื่นที่อาจมีต่อเรา เห็นคนสำเร็จ ดีใจด้วย คิดถึงความลำบากอดทนมาก่อนของเขา ไม่ใช่อิจฉา เมื่อเห็นคนกำลังแย่ก็นำข้อเสียของเขามาวิเคราะห์ ไม่ใช่ทับถมนินทา ซึ่งลดโอกาสที่ปัญหานั้นจะวนมากดดันตัวเองเมื่อเราอาจต้องอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ บ้าง เป็นต้น
อีกทั้งยังวางแผนล่วงหน้าก่อนเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นว่าจะทำเช่นไร ( worst case scenario) เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินไป เมื่อเราทำได้ดีก็อย่าลืมให้รางวัลหรือ ชื่นชมตนเอง ที่ทำได้ดีบ้าง เพื่อให้สมองจดจำ ความคิดเชิงบวก และเปลี่ยนเส้นทางจากความคิดเชิงลบไปเรื่อยๆ ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ได้ทำการทดลองถึงการเปลี่ยนของเส้นประสาท และ ถึงระดับเซลล์ พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของระบบประสาทที่เกิดขึ้นจริง
จะเห็นได้ว่าการปรับ mind set ก็คือการปรับนิสัย และ ความรู้สึกภายในให้เป็นไปในทางเดียวกับ การปฏิบัติงาน กิจวัตรประจำวันภายนอก เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดี ความสุข และทำได้ในระยะยาว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของสติ สัมปชัญญะ การระลึกได้ว่าต้องทำอะไรถัดไป, รู้ว่าตอนนี้เป็นอะไร, ทำอะไรถึงไหนแล้ว และต้องมีสมาธิตั้งมั่น ทำเป็นเรื่องๆไป ซึ่งจะมีประสิทธิภาพกว่าการทำงานสลับไปมา
ดังนั้นการฝึกสมาธิก็เป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในวิธีการทั้งหมด ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะมีส่วนช่วยร่นระยะทางในการประสบความสำเร็จของทุกท่าน
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,763 วันที่ 6 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2565