11 มีนาคม 2565 - การนำ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ ที่รู้จักกันในนาม 'คริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) 'มาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ ยังคงเป็นกระแสร้อนแรงสำหรับภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาระบุล่าสุด โดยชี้แจงในหลายประเด็น ว่า การใช้คริปโต แทน เงินสด จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชน และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ?
บทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโต สื่อกลางซื้อ-ขาย
ธปท.ระบุว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจในลักษณะให้บริการ ชักชวนหรือแสดงตน ว่าพร้อมจะให้บริการแก่ร้านค้าและผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น จัดทำระบบและโฆษณาเชิญชวนร้านค้า
ซึ่งการที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในลักษณะดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงเป็นความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ อาทิ ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน
ถาม-ตอบ แนวทางการกำกับดูแลการใช้คริปโตฯ เพื่อชำระสินค้าและบริการ
1. การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระสินค้าและบริการ (Means of Payment: MOP) จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชน และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจอย่างไร
คำตอบ : หากมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็น MOP ในวงกว้าง จะมีความเสี่ยงต่อผู้เกี่ยวข้องในมิติต่าง ๆ ดังนี้
2 . เสถียรภาพระบบการชำระเงิน
หากคริปโตเคอร์เรนซี่ ถูกนำมาใช้เพื่อชำระค้าสินค้าบริการอย่างแพร่หลาย อาจส่งผลต่อการดูแลระบบ การชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ มั่นคงและปลอดภัย
3. เสถียรภาพทางการเงิน และความสามารถในการดูแลภาวะการเงินของประเทศ
4.แนวทางนี้สะท้อนว่าหน่วยงานภาครัฐไม่สนับสนุนอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่
คำตอบ : ประเด็นที่หน่วยงานกำกับดูแลฯ กังวล คือ ความเสี่ยงจากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค้าสินค้าและบริการอย่างแพร่หลายที่กล่าวถึงข้างต้น ขณะที่ระบบชำระเงินปัจจุบันของไทยมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว ทำให้การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในการชำระค้าสินค้าและบริการไม่ได้เพิ่มประโยชน์มากนักให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ดี ธปท. และ ก.ล.ต. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ เล็งเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีต่าง ๆ เบื้องหลังสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น blockchain และให้ความสำคัญและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อยอดนวัตกรรม และไม่ได้ปิดกั้น การนำคริปโตมาใช้ในการลงทุน สะท้อนจากการที่ไทยเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีกฎหมายรองรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดย ก.ล.ต. เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้เหมาะสม และคุ้มครองประโยชน์ของผู้ใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ธปท. เป็นธนาคารกลางแห่งแรก ๆ ที่เริ่มพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อใช้ต่อยอดนวัตกรรมทางการเงิน และ
ส่งเสริมการพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ ๆ เช่น
ที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติม : แนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลล่าสุด