นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า ผู้เล่นในตลาดโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวและยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก หลังจากที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป ทว่าผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า การเจรจาสันติภาพจะยังคงดำเนินต่อไปและอาจช่วยยุติสงครามได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะเริ่มกลับมาให้ความสนใจแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้นและผู้เล่นบางส่วนยังคงกังวลโอกาสที่เฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ ดังจะเห็นได้จากแรงเทขายหุ้นเทคฯ ที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 2.13% กดดันให้ดัชนีหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ Nasdaq ปรับตัวลงกว่า -2.04%
ส่วนดัชนี S&P500 ย่อตัวลงราว -0.74% จากแรงขายหุ้นเทคฯ และหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ย่อลงต่อเนื่อง (ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่าสุดอยู่ที่ 105.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) ขณะเดียวกัน ดัชนี S&P500 ก็ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินที่พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นตามบอนด์ยีลด์
ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นราว +1.47% หลังผู้เล่นบางส่วนยังคงมีความหวังต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Cyclical ที่ปรับตัวลงหนักก่อนหน้า
อาทิ หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มยานยนต์ ทยอยปรับตัวขึ้น อาทิ Volkswagen +4.4%, ING +4.4% ทั้งนี้ เราคงแนะนำให้ wait and see รอสัญญาณเชิงเทคนิคัลยืนยันการกลับตัวที่ชัดเจนก่อน เนื่องจากสถานการณ์สงครามและการเจรจาก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง
ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ แนวโน้มเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2.13%
เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 2.00% ไปก่อน จนกว่าจะรับรู้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดที่ชัดเจนจากการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้ ซึ่งเราคาดว่า หากตลาดกล้ากลับมาเปิดรับความเสี่ยงได้ บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็จะสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง จากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟด โดยเฉพาะการปรับลดงบดุล
ในฝั่งตลาดค่าเงิน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะสงคราม รวมถึง การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากแนวโน้มเฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ยังคงหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังแกว่งตัวใกล้ระดับ 99.08 จุด
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ รวมถึงความหวังต่อการเจรจาสันติภาพ ได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ ผู้เล่นบางส่วนอาจรอจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ เพื่อรอจังหวะ buy on dip ได้ เพราะสถานการณ์สงครามยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง โดยคาดว่าโซนที่ผู้เล่นอาจรอจะอยู่ในช่วง 1,930-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอลุ้นจังหวะรีบาวด์กลับสู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิด หลังการเจรจาล่าสุดยังไม่สามารถนำไปสู่ข้อตกลงร่วมเพื่อหยุดยิงได้ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังพร้อมที่จะกลับมาเดินหน้าการเจรจาเพื่อยุติสงคราม แต่ด้วยแนวโน้มสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ทำให้ตลาดการเงินยังมีโอกาสผันผวนสูงต่อไปได้ในระยะสั้นนี้
ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น เรามองว่า ผลกระทบจากสงครามจะกดดันความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW Economic Sentiment) ของเยอรมนีและของยุโรปในเดือนมีนาคม ให้ปรับตัวลดลงอย่างหนักและมีโอกาสที่ดัชนีความเชื่อมั่นจะต่ำกว่า 0 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ) ซึ่งความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจกดดันแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ตลาดหุ้นยุโรป รวมถึงค่าเงินยูโรได้ในระยะสั้นนี้