ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวโน้มเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต (Future Trends of Technology) เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวผู้คนเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว นอกจากจะเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจแล้ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตมากขึ้น ผู้คนจะใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อรองรับวิถีชีวิตในสังคม ความสะดวกสบาย เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ได้สร้างโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนด้วย
ปัจจุบันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีหลากหลายธุรกิจ บางธุรกิจยังเติบโตต่อไปได้ บางธุรกิจเติบโตช้าลง หรือไม่สามารถเติบโตได้ต่อ แปลว่า นักลงทุนต้องศึกษาว่าเทคโนโลยีกลุ่มไหนที่ยังคงสามารถเติบโตต่อไปได้ตามเทรนด์เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต โดยการศึกษารูปแบบ Business Model หรือรูปแบบการดำเนินงานของบริษัท เพื่อทำให้เข้าใจถึงช่วงการเติบโตของธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนความเสี่ยงที่อาจเข้ามากระทบต่อผลการดำเนินงาน
Global X Asset Management ได้แบ่งช่วงการเติบโตของเทคโนโลยีออกเป็น 5 ช่วง ตั้งแต่ช่วงของการคิดค้น ริเริ่มและพัฒนา (Innovator) มีผู้เข้ามาใช้งาน (Early Adopter) จนกระทั่งช่วงของการอิ่มตัว (Laggard)
จากการพิจารณาในหลากหลายปัจจัยทั้ง Market Growth, 12 Months Sale Growth ตลอดจน Business Model และความเสี่ยงของธุรกิจจากมุมมองต่าง ๆ ในอนาคต พบว่า กลุ่มเทคโนโลยีที่โดดเด่น คือ Video Games & Esports, Cybersecurity, Social Media และ Cloud Computing ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 26%, 23%, 21% และ 20% ตามลำดับในอนาคต
โดยในยุคของ Digital Transformation ที่จะพลิกโฉมโลกแห่งเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าวต่างได้รับประโยชน์สูงสุด และยังได้รับการสนับสนุนจากกระแส Metaverse หรือ Virtual World อีกด้วย เช่น ตลาด Video Games & Esports ซึ่งเป็นผู้ผลิต Software Gaming และ Hardware เช่น เครื่อง VR และ AR ถูกคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้น (CAGR) สูงถึง 17% ในช่วงปี 2564 – 2567
และเพื่อให้โลกแห่งเทคโนโลยีนี้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลและความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ทำให้การพัฒนาด้าน Cloud Computing และ Cybersecurity ถูกยกให้เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของหลายประเทศทั่วโลก ทำให้มีการคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายของบริษัทเอกชนใน 2 กลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 45% ของค่าใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมดในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับกลุ่มโซเชียลมีเดีย จากเดิมที่ให้บริการซอฟต์แวร์ถ่ายโอนข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน แต่ด้วยความได้เปรียบจากฐานลูกค้าจำนวนมหาศาล ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้กำลังรุกเข้าสู่ตลาด e-Commerce หรือที่เรียกเทรนด์นี้ว่า Social Commerce ผ่านกลยุทธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็น New S-curve Strategy ของธุรกิจโซเชียลมีเดียในอนาคต
ดังนั้น หากสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคต นอกจากต้องศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจแล้ว การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) และความเสี่ยงด้านธุรกิจก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งการพิจารณาเพื่อประเมินมูลค่าสำหรับหุ้นกลุ่มนี้อาจมีความคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) ทำให้เมื่อตลาดคาดการณ์การเติบโตของผลประกอบการที่สูง จะทำให้นักลงทุนยอมรับการซื้อขายในระดับ Valuation ที่สูงขึ้นได้เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
ขณะที่ในด้านความเสี่ยงของธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะการถูก Disrupt จากธุรกิจอื่นที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในธุรกิจด้าน e-Commerce ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันกำลังถูก Disrupt โดยธุรกิจโซเชียลมีเดีย ขณะเดียวกันความเสี่ยงของภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก เช่น นักลงทุนกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้หุ้นกลุ่มเติบโตได้รับผลกระทบหรือราคาหุ้นผันผวนมากพอสมควร
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรมีสไตล์การลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นเติบโต และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูงพอสมควร เพราะข้อดี คือ ในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดี ในทางกลับกันหากอยู่ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน หุ้นกลุ่มนี้ก็จะผันผวนสูงเช่นเดียวกัน
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความโดย : วิศรุต จารุอนันตพงษ์, AFPT™ ที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้
ที่มา : SET'investnow