นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง กรณีข่าวการโจมตีการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล ว่า โดยยืนยันว่าแม้ช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญวิกฤตโควิด-19 แต่รัฐบาลก็มีการบริหารจัดการเรื่องของการเงินอย่างดีที่สุด
ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อยางเหมาะสม ผ่านมาตรการเยียวยาในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น และเพื่อสร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในทุกระดับ
พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลยังมีความเข้มแข็งทางการเงินและการคลัง และกระทรวงการคลังไม่มีปัญหาเรื่องหนี้ท่วม หรือประเด็นต่างๆ ตามที่ถูกโจมตี อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในช่วงที่เกิดวิกฤต รายรับของรัฐบาลอาจไม่สมดุลกับรายจ่ายบ้าง แต่ขณะนี้กระทรวงการคลังได้พยายามดูแลเศรษฐกิจ และหาวิธีในการเพิ่มรายรับเพื่อให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนมากขึ้นได้
“กระทรวงการคลังยังมีความเข้มแข็งทางการเงินการคลัง แต่ช่วงที่ผ่านมารายรับอาจลดลงไม่สอดคล้องกับรายจ่าย ก็ต้องเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆ ซึ่งหาไม่ยาก แต่ต้องดูจังหวะที่เหมาะสม เช่น การเก็บภาษี ก็ต้องดูช่วงที่เหมาะสม ต้องมีความยืดหยุ่น ส่วนภาษีหุ้น เราเว้นมา 30 แล้ว และอัตราที่จะจัดเก็บก็น้อยมาก และเชื่อว่าตลาดยอมรับได้” นายสันติ กล่าว
ขณะที่มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้นั้น นายสันติ บอกว่า ยังต้องประเมินสถานการณ์ ณ ตอนนั้นอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหวของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็จะส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ขยับขึ้นตาม
และขณะนี้ยังมีเวลากว่าจะสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล ดังนั้น ในช่วงนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันประหยัดพลังงงาน เช่น ปิดไฟที่ไม่จำเป็น หรือ เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เป็นต้น