บริษัทหลักทรัพย์(บล) กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรสุทธิรวมของตลาดในไตรมาส 1/2565 จะเติบโตขึ้น 5% QoQ และ 4%YoY ปัจจัยหนุนหลักคาดจะมาจากกลุ่มธนาคาร พลังงาน พาณิชย์ การแพทย์ ท่องเที่ยวและ อิล็กทรอนิกส์
โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ของกลุ่มธนาคารขยายตัวขึ้น 26% QoQ และ 16% YoY แรงหนุนจากการตั้งสำรองที่ลดลง (-23% QoQ และ -15% YoY) เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
และคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ของกลุ่มพลังงานจะเติบโตขึ้น 37% QoQ และ 20% YoY จากราคาพลังงานที่สูงขึ้น GRM ของโรงกลั่นที่ดีขึ้นและกำไรจากคลังสินค้า ขณะที่กำไรสุทธิของกลุ่มพาณิชย์ โตแข็งแกร่งในไตรมาส 1/2565 (+34% YoY) แรงหนุนจาก SSSG ที่ +9% จากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น ราคาที่สูงขึ้นและการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง
ส่วนกลุ่มการแพทย์ คาดจะรายงานกำไรสุทธิที่ขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 286% YoY ในไตรมาส 1/2565 จากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างต่อเนื่องและจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ของกลุ่มท่องเที่ยวจะขยายตัวขึ้น 67% YoY หนุนจากการเปิดประเทศและมาตรการกระตุุ้นการใช้จ่ายอย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดจะเติบโตขึ้น 30% QoQ และ 59% YoY จากอุปสงค์ที่อั้นไว้ ราคาที่สูงขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่าลง
อย่างไรก็ดีปัจจัยฉุดในไตรมาส 1/2565 มาจากกลุ่มเกษตรและอาหาร วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ สินค้าส่วนบุคคล ปิโตรเคมี และสาธารณูปโภค บริษัทส่วนใหญ่ในทุกกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่ม anti-commodities ซึ่งคาดจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น
ส่วนปัจจัยหนุนและฉุดในไตรมาส 2/2565 จะมาจาก
ดังนั้น นักลงทุนจึงควรตรวจสอบแนวโน้มไตรมาส 2/2565 และการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ตลาดคาดว่า market EPS ปี 2565 จะเติบโตขึ้น 13% YoY มาอยู่ที่ 97 บาท
สำหรับหุ้นที่มีทิศทางทางการเติบโตไตรมาส 2/2565 ดีขึ้นต่อคาดจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด เราคาดว่าบริษัทที่มีทิศทางการเติบโตในไตรมาส 2/2565 ที่ดีขึ้น ทั้งในเชิง QoQ และ YoY จะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด ได้แก่ PTTEP,CPALL ,BH, BDMS, PR9, EKH, AWC, CENTEL, MINT, SHR AOT ,CPN ,DTAC, PSL, RBF, TVO, EPG และ Finance