นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง สตางค์ คอร์ปอเรชั่น (Satang)เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือว่า ตลาดคริปโตฯ เข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง ซึ่งส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นปี และสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุที่ ราคาบิทคอยน์ตกลงไปต่ำกว่า 1 ล้านบาทนั้น เกิดจากแรงกดดันตลาดแพนิคทั้งจากวิกฤตของเหรียญ Stablecoin UST และ LUNA ที่ส่งผลให้เหรียญในกลุ่ม DeFi และ Stablecoin รวมทั้งเหรียญอื่นก็ถูกเทขายออกมา
สิ่งที่กดดันมากขึ้นคือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่คงต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างจริงจังมาขึ้น เพราะตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI : Consumer price index ซึ่งใช้เพื่อคำนวณอัตราเงินเฟ้อ) เร่งตัวขึ้น 8.3% ในเดือนเมษายน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.1% และใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจัยจากเฟดกับการต่อสู้กับวิกฤตเงินเฟ้อนั้น ยังคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 3-4เดือนจากนี้ จะกดดันให้คริปโตเคอร์เรนซี่ยังสามารถลงไปทดสอบระดับล่างได้อีก
“มองว่าทางเทคนิค บิทคอยน์ และเหรียญ Altcoin อื่น ๆ อยู่ในขาลง และคงไม่จบใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ นี้ อาจยืดยาวไป 1 ถึง 2 เดือนเป็นอย่างน้อย ราคาของบิทคอยน์อาจเคลื่อนไหวไปมาในช่วงกว้าง ๆระหว่าง 32,000-25,000$ อยู่หลายสัปดาห์จากนี้ อยากจะเตือนนักเทรดว่า ตอนนี้อย่าใช้อารมณ์ในการเทรด ต้องมีสติ และบริหารการเงินให้ดี”นายปรมินทร์กล่าว
นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation กล่าวว่า การจะมองหาว่า เหรียญหรือสินทรัพย์ใดเป็น safe – havenในขณะนี้นั้น อาจจะยากสักหน่อย เพราะเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย เพื่อกำจัดอัตราเงินเฟ้อ ย่อมทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ทองคำ คริปโตฯ อยู่ในภาวะกดดันคือไม่ขึ้นหรือลงมาอีกในช่วง 4 – 5เดือนนี้
“เมื่อสินทรัพย์แทบทุกชนิดถูกเทขาย(ยกเว้นน้ำมันกับก๊าซที่ยังขาขึ้นในช่วง 1-2เดือนนี้) เงินก็จะไหลกลับมาที่ US Dollar อีก เพราะการที่ USD แข็งค่าขึ้น แสดงว่า ไม่มีทรัพย์สินอื่นน่าสนใจลงทุน”นายสรัลกล่าว
ดังนั้น จึงอยากฝากข้อคิดว่าก่อนจะลงทุนควรต้องตั้งคำถามกับตัวเอง 2 ข้อ คือ
“คนส่วนใหญ่มักคิดถึงแต่ประเด็นข้อ1 แต่ลืมถามข้อ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับเวลาในการถือครองทรัพย์สินระหว่างขาลงยังไม่จบ จนกลับมาขาขึ้นเป็นกำไร อย่าลืมว่าระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนของการได้หรือเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นอย่าถือสินทรัพย์ทั้ง 100% อย่าทุ่มการลงทุนไปในสินทรัพย์กลุ่มเดียว ควรมีเงินสดไว้ด้วยเพราะสินทรัพย์ช่วงนี้มีจะโอกาสที่จะราคาผันผวนสูง อย่าพยายามสร้างหนี้สินเพิ่ม ไม่ควรกู้เงินมาลงทุนเด็ดขาด”นายสรัลกล่าว
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐานและศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติและวิจารณญาณในการลงทุน และจะซื้อขายให้ปลอดภัย ต้องผ่านเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต)