กูรูเตือน ตลาดคริปโตฯดิ่ง อย่าเทรดด้วยอารมณ์

13 พ.ค. 2565 | 06:38 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2565 | 14:51 น.

กูรูเตือน ตลาดคริปโตฯเข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง จากแรงกดดัน วิกฤตของเหรียญ Stablecoin UST และ LUNA แถมเฟด ต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างจริงจัง หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เตือนนักลงทุนต้องระวังการเทรดด้วยอารมณ์

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง สตางค์ คอร์ปอเรชั่น (Satang)เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือว่า ตลาดคริปโตฯ เข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง ซึ่งส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นปี และสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุที่ ราคาบิทคอยน์ตกลงไปต่ำกว่า 1 ล้านบาทนั้น เกิดจากแรงกดดันตลาดแพนิคทั้งจากวิกฤตของเหรียญ Stablecoin UST และ LUNA ที่ส่งผลให้เหรียญในกลุ่ม DeFi และ Stablecoin รวมทั้งเหรียญอื่นก็ถูกเทขายออกมา

 

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง สตางค์ คอร์ปอเรชั่น

 

สิ่งที่กดดันมากขึ้นคือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่คงต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างจริงจังมาขึ้น เพราะตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI : Consumer price index ซึ่งใช้เพื่อคำนวณอัตราเงินเฟ้อ) เร่งตัวขึ้น 8.3% ในเดือนเมษายน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.1% และใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี  ซึ่งปัจจัยจากเฟดกับการต่อสู้กับวิกฤตเงินเฟ้อนั้น ยังคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 3-4เดือนจากนี้  จะกดดันให้คริปโตเคอร์เรนซี่ยังสามารถลงไปทดสอบระดับล่างได้อีก

“มองว่าทางเทคนิค  บิทคอยน์  และเหรียญ Altcoin อื่น ๆ อยู่ในขาลง และคงไม่จบใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ นี้ อาจยืดยาวไป 1 ถึง 2 เดือนเป็นอย่างน้อย ราคาของบิทคอยน์อาจเคลื่อนไหวไปมาในช่วงกว้าง ๆระหว่าง 32,000-25,000$ อยู่หลายสัปดาห์จากนี้ อยากจะเตือนนักเทรดว่า ตอนนี้อย่าใช้อารมณ์ในการเทรด ต้องมีสติ และบริหารการเงินให้ดี”นายปรมินทร์กล่าว

 

นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation กล่าวว่า การจะมองหาว่า เหรียญหรือสินทรัพย์ใดเป็น safe – havenในขณะนี้นั้น อาจจะยากสักหน่อย เพราะเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย เพื่อกำจัดอัตราเงินเฟ้อ ย่อมทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ทองคำ คริปโตฯ อยู่ในภาวะกดดันคือไม่ขึ้นหรือลงมาอีกในช่วง 4 – 5เดือนนี้

นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation

“เมื่อสินทรัพย์แทบทุกชนิดถูกเทขาย(ยกเว้นน้ำมันกับก๊าซที่ยังขาขึ้นในช่วง 1-2เดือนนี้) เงินก็จะไหลกลับมาที่ US Dollar อีก เพราะการที่ USD แข็งค่าขึ้น แสดงว่า ไม่มีทรัพย์สินอื่นน่าสนใจลงทุน”นายสรัลกล่าว

 

ดังนั้น จึงอยากฝากข้อคิดว่าก่อนจะลงทุนควรต้องตั้งคำถามกับตัวเอง 2 ข้อ คือ

  1. สินทรัพย์ที่จะลงทุน จะลงไปได้มากที่สุดขนาดไหน (maximum drawdown)
  2. อีกยาวนาน แค่ไหนที่ สินทรัพย์นั้นจะเริ่มกลับมาฟื้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

“คนส่วนใหญ่มักคิดถึงแต่ประเด็นข้อ1 แต่ลืมถามข้อ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับเวลาในการถือครองทรัพย์สินระหว่างขาลงยังไม่จบ จนกลับมาขาขึ้นเป็นกำไร  อย่าลืมว่าระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนของการได้หรือเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นอย่าถือสินทรัพย์ทั้ง 100%  อย่าทุ่มการลงทุนไปในสินทรัพย์กลุ่มเดียว ควรมีเงินสดไว้ด้วยเพราะสินทรัพย์ช่วงนี้มีจะโอกาสที่จะราคาผันผวนสูง อย่าพยายามสร้างหนี้สินเพิ่ม ไม่ควรกู้เงินมาลงทุนเด็ดขาด”นายสรัลกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐานและศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติและวิจารณญาณในการลงทุน และจะซื้อขายให้ปลอดภัย ต้องผ่านเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต