“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” คลังพร้อมเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ส.ค. นี้

24 พ.ค. 2565 | 08:11 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2565 | 15:19 น.

“สันติ” เผยคืบหน้าลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ล่าสุด ให้แบงก์รัฐเสนอราคาเป็นผู้ทำระบบลงทะเบียนโดยใช้บัตรประชาชน และการใช้จ่ายแทนบัตรคนจนใบเดิม พร้อมคาดจะมีผู้ถือบัตรคนจนเพิ่มขึ้น เหตุโควิดทำคนตกงาน รายได้ลดลง ย้ำไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ว่า ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้มีการรายงานความคืบหน้าการประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ร่วมทั้งได้ให้สถาบันการเงิน คือ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธนาคาร ธ.ก.ส. ทำข้อเสนอราคาในการเป็นผู้จัดทำระบบการลงทะเบียน เนื่องจากรอบนี้จะใช้บัตรประชาชนในการลงทะเบียนและใช้แทนบัตรคนจน พร้อมยืนยันจะเริ่มให้เปิดลงทะเบียนได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 65 นี้

“เรากำลังเปิดให้แบงก์รัฐเสนอเงื่อนไขการเสนอตัวเป็นผู้จัดทำระบบการลงทะเบียนบัตรคนจนและการใช้บัตรคนจน เพราะรอบนี้ เราจะกำหนดให้ใช้บัตรประชาชนแทนบัตรคนจนใบเดิม แต่บัตรคนจนใบเดิมนั้น สามารถกดเงินสดได้ ฉะนั้น ก็จะต้องมาดูว่า เมื่อใช้บัตรประชาชนแล้ว จะสามารถกดเงินสดได้ในช่องทางใดได้บ้าง เบื้องต้น น่าจะใช้ลักษณะการผูกพร้อมเพย์กับแบงก์ เป็นต้น” นายสันติ กล่าว

 

สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายสันติ ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ สศค. ไปพิจารณาจ้างนักศึกษาจบใหม่ในแต่ละพื้นที่ มาช่วยงานในเรื่องของการลงทะเบียน เพราะหากใช้เจ้าหน้าที่ของแต่ละแบงก์ ซึ่งจะมีงานประจำและมีงานเยอะอยู่แล้ว อาจทำให้มีการดูแลหรือช่วยเหลือในเรื่องการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการไม่ทั่วถึง

 

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับนักศึกษาที่จบใหม่ที่อาจยังไม่ได้งานทำเนื่องจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีรายได้และมีประสบการณ์ในการทำงานด้วย

 

อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบใหม่นี้ นายสันติ คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีผู้ถือบัตรฯ อยู่ 13 ล้านคน เนื่องสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้มีรายได้น้อย ส่วนจะมากกว่าเดิมเท่าไหรนั้น ยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีปัญาในเรื่องของงบประมาณอย่างแน่นอน

 

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า คาดว่า จะมีประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนร่วมโครงการประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งจะรวมถึงผู้ถือบัตรคนจนในปัจจุบันประมาณ 13 ล้านคนและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม โดยกระทรวงการคลังได้ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทะเบียนรอบนี้จำนวนกว่า 560 ล้านบาท

 

ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนกรณีการใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการจำนวน 164 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียนของหน่วยรับลงทะเบียน ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย กรมบัญชีกลาง(คลังจังหวัด)กระทรวงมหาดไทย(ที่ว่าการอำเภอ)สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเมืองพัทยา รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 400 ล้านบาท

 

สำหรับคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนนั้น ได้มีการปรับปรุงจากเงื่อนไขเดิมที่พิจารณารายได้เป็นรายบุคคลเป็นรายครอบครัว โดยกำหนดรายได้ต่อหัวไม่เกิน 1 แสนบาท และยังกำหนดเงื่อนไขใหม่ที่ผู้ลงทะเบียนต้องไม่มีการถือครองบัตรแครดิต

 

ไม่มีหนี้สินบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ ไม่มีหนี้สินยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาทด้วย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และ เงินฝาก จะใช้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับเงื่อนไขเดิม แต่จะพิจารณารวมทรัพย์สินของบุคคลในครอบครัวด้วย