นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียดในผลสอบฯ เนื่องจากขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้ส่งรายงานผลสอบข้อเท็จจริงไปยัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยตรง ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ดังนั้นขณะนี้จึงยังต้องรอคำสั่งจาก รมว.คลัง อีกครั้ง
“ยังไม่เห็นผลสอบว่าออกมาทิศทางใด เพราะคณะกรรมการสอบฯ ได้รายงานตรงไปยัง รมว.คลังเลย ตอนนี้ก็รอคำสั่งจาก รมว.คลังว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อ หากผลสอบปรากฎเป็นไปโดยถูกต้อง ไม่มีข้อพิรุธ หรือข้อสงสัยว่าอาจเป็นไปโดยมิชอบ ธนารักษ์ก็จะเริ่มดำเนินการลงนามสัญญากับบริษัทวงษ์สยามต่อ เพราะหากยังชะลอ กรมฯ ก็จะมีความผิด กลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่หากผลสอบปรากฎออกมาว่า ยังมีข้อสงสัย หรือข้อพิรุธ ก็ต้องไปดูต่อว่าสงสัยในส่วนใด” นายประภาศ กล่าว
ส่วนกรณีประเด็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ เพื่อขอข้อมูลและเอกสารประกอบการสืบสวน กรณี บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสท์วอเตอร์ อาจมีการเสียภาษีไม่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากรโดยตรง
โดยในส่วนของกรมธนารักษ์ได้ให้ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการนำส่งรายได้เข้ารัฐ เพื่อดูว่ามีการเสียภาษีสอดคล้องกับรายได้หรือไม่ ซึ่งทาง DSI จะไปดำเนินการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายประภาศ กล่าวอีกว่า ประเด็นในเรื่องของ DSI ไม่เกี่ยวข้องกับการประมูล ดังนั้นจึงไม่ใช่เหตุผลที่จะมายกเลิกการประมูลได้ ขณะเดียวกันหากยังมีข้อพิรุธสงสัย ก็ต้องไปดูว่าสงสัยในประเด็นใด ถ้าเป็นประเด็นการประมูลโดยมิชอบ ปปช. จะต้องมีการชี้มูล จึงจะยกเลิกการประมูลได้ พร้อมย้ำไม่สามารถใช้เพียงข้อสงสัยในการมาสั่งให้ยกเลิกผลการประมูลได้
เช่นเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องชะลอการลงนามสัญญากับ บ.วงษ์สยามฯ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบทางการเมือง ซึ่งกรมได้เตรียมพร้อมข้อมูลในทุกประเด็น รวมถึงข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 35 รวมทั้งทางกรมได้ยื่นข้อมูลต่างๆ ไปยังศาลปกครองจนครบถ้วนแล้ว และทางศาลฯ ยังไม่มีการประสานเพื่อขอข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมมา ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลใจอะไร