นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทาลิส จำกัดเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 2 สำหรับ 2 กองทุนหุ้นไทย ได้แก่
กำหนดการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เวลา 8.00 น.และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565
ทั้งสองกองทุนดังกล่าวได้มีการปิดสมุดทะเบียนไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 และ จ่ายปันผลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 คือกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) ในอัตรา 0.125 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนซึ่งเกิดจากความกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากปัจจัยเงินเฟ้อ และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา และผลกระทบของ Covid-19 ที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น ด้านผลประกอบการของ บจ. มีแนวโน้มฟื้นตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลตามหลักเกณฑ์คัดเลือกที่บริษัทจัดการ กำหนด โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ ดังนี้
ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกตราสารเพื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายปันผลในอนาคตอย่างน้อยทุกครั้งที่มีการประกาศงบการเงิน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานหรือฐานะทางการเงินของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ผู้จัดการกองทุนก็จะปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสม
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีปันผล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในการลงทุนได้สูงและมุ่งหวัง Passive Income จากกระแสเงินสดที่จะได้รับจากเงินปันผล และในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยได้ส่วนเงินปันผลมาแทนส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ลดลง