นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ( 30 มิ.ย.65) เพื่อขออนุมัติเพิ่มทุนด้วยการออกหุ้นสามัญ 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) รองรับการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ใน 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจ Data & Document , Cyber Security และ ธุรกิจกรีน เทคโนโลยี (Green Technology)
โดยรูปแบบการลงทุนเบื้องต้น จะเป็นการชำระด้วยหุ้นเพิ่มทุน โดยไม่ต้องใช้เงินสด เพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ สำหรับรองรับการเติบโตในอนาคต
“ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาในการเข้าซื้อกิจการจำนวน 2 ดีล โดยมุ่งเน้นในธุรกิจด้าน Data & Document Management, Cyber Security และ Green Technology ที่จะสามารถสร้าง Synergy และเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ” นายฐกร กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาใน ธุรกิจการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจเป็นธุรกิจเทรนด์โลก โดยธุรกิจบริการจัดการขยะ ไทยยังมีปัญหาเรื่องการคัดแยกขยะนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเรื่องดังกล่าวเพื่อลงทุนโรงคัดแยกขยะ เช่นเดียวกับธุรกิจคาร์บอนเครดิตที่อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากยังเป็นธุรกิจที่ใหม่และยังไม่เป็นที่รู้จักมากในไทย จึงเป็นโอกาสของบริษัท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) กล่าวถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 58.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 41.40 ล้านบาท สาเหตุมาจากบริษัทฯและบริษัทย่อยสามารถรักษาระดับการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ทยอยรับรู้งานในมือ (Backlog) มูลค่า 1,362 ล้านบาท แบ่งเป็น งานรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่ายงานราชการต่างๆ (Technology Engineering & Turnkey projects) จำนวน 973 ล้านบาท, บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร (Data & Document Management) จำนวน 389 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ราว 50% ของงานในมือทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้าของงานโครงการที่ทางบริษัทฯคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลภายในปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าบริษัทฯ มีแผนจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถคว้างานเข้ามาเสริมพอร์ตได้ตามที่คาดหวังไว้
นอกจากนี้ ร่างพ.ร.บ.อิเล็กทรอนิกส์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา และคาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งมีเป้าหมายให้หน่วยงานราชการต่างๆ สามารถให้บริการในลักษณะ e-service จะทำให้หน่วยงานต่างๆหันมาใช้ระบบบริการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ฯเพิ่มขึ้น