กรมธนารักษ์ต้องระงับการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกหรือ ท่อส่งน้ำอีอีซี กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด กะทันหันในวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 หลังได้รับคำสั่งจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ชะลอเรื่องออกไปก่อน
หลังจากนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมาแถลงข่าวว่า จะไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที เพื่อเอาผิดกับพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอีอีซี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการที่ราชพัสดุ 6 คนที่อนุมัติเห็นชอบให้บริษัท วงษ์สยามฯ ชนะการประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี รวมทั้งนายยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่เร่งรีบรวบรัดเปิดซองในวันเกษียณของตัวเองเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564
ล่าสุดนายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลังในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์เตรียมเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหน่วยงานของรัฐ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง หากยังไม่มีความชัดเจนและล่าช้า ในการลงนามสัญญากับริษัทในฐานะผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำอีอีซี
ขณะเดียวกันวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 บริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมธนารักษ์ในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เพราะกรมธนารักษ์ได้ขอเลื่อนการลงนามสัญญากับบริษัทตั้งแต่วันที่ 3 พฤษาคม 2565 อย่างไม่มีกำหนดส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหายจากการจัดเตรียมเงิน เพื่อชำระให้กรมธนารักษ์ รวมทั้งยังกระทบต่อแผนการดำเนินงานตามข้อเสนอโครงการฯ ของบริษัท รวมถึงยังทำให้รัฐได้รับผลตอบแทนส่วนแบ่งรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ หากกรมธนารักษ์ทอดเวลา จะทำให้ได้รับผลตอบแทนและส่วนแบ่งส่วนรายได้มาเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เดือนละ 41.09 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ค่าตอบแทนเดือนละ 3.72 ล้านบาทและส่วนแบ่งรายได้เดือนละ 37.37 ล้านบาท และหากยังให้อีสวอท์เตอร์ อาจมีข้อครหาเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยจ่ายค่าตอบแทนแบบเดิม ส่งผลต่อความเสียหายหน่วยงานรัฐ และเอื้อประโยชน์ให้อีสวอท์เตอร์ ซึ่งเป็นผู้แพ้การประมูล
“บริษัทได้เตรียมทีมทนายความในการดำเนินการฟ้องร้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวผลการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำใน อีอีซี ครั้งที่ 2 รวมทั้งฟ้องศาลอาญา ประเด็นที่ทำให้รัฐเสียหายจากการลงนามสัญญาบริหารโครงการล่าช้า ซึ่งความเสียหายส่วนนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ” นายอนุฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังรอคำสั่งจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังถึงผลสอบการเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำอีอีซีว่า จะเป็นไปในทิศทางใด หลังจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้รายงานผลสอบไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ซึ่งหากผลออกมาในทางบวก ก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญากับบริษัท วงศ์สยามฯทันที ภายในเดือนมิถุนายน แต่หากผลสอบพบว่า คณะกรรมการยังมีข้อสงสัยต้องกลับมาดูว่า มีข้อสงสัยในประเด็นใด ซึ่งตนพร้อมจะชี้แจงในทุกประเด็น
“ถ้ามีข้อสงสัยในข้อประเด็นใด ก็ต้องไปดูในประเด็นนั้น ว่าจะต้องลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติม หรือเพียงชี้แจงด้วยเอกสาร ซึ่งส่วนใหญ่มีข้อมูลอยู่แล้ว และทุกประเด็นที่สังคมสงสัย ทางกรมธนารักษ์ก็สามารถชี้แจงได้หมด เพียงแต่ใครจะรับฟังแค่ไหนเท่านั้นเอง แต่เราชี้แจงอย่างมีเหตุมีผลทุกส่วน ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่กังวลการลงนามจะล่าช้า หากรมว.คลังมีคำสั่งมา จะสามารถดำเนินการทันที”นายประภาศกล่าว
ทั้งนี้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักในอีอีซี จากข้อเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุดจำนวน 25,693 ล้านบาท สัญญา 30 ปี มากกว่า บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจน้ำในอีอีซีเดิมที่บริหารมาที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐที่ 24,212.84 ล้านบาท
ตามกำหนดเดิม ในวันลงนามในสัญญาทางบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ต้องจ่ายเงินให้กรมธนารักษ์ 743.62 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินค้ำประกันสัญญา 118.97 ล้านบาท ค่าแรกเข้าวันลงนามสัญญา 580 ล้านบาท และผลประโยชน์ตอบแทนรายปี 44.64 ล้านบาท และในวันรับมอบท่อส่งน้ำ ต้องจ่ายเงินให้กับกรมธนารักษ์อีก 870 ล้านบาท และเมื่อบริษัท วงษ์สยามฯ เข้ามาบริหารท่อส่งน้ำแล้ว ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้รายปีให้กับกรมธนารักษ์ในอัตรา 27% ของรายได้จากการขายน้ำดิบ ตลอดอายุสัญญา 30 ปี
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,788 วันที่ 2 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2565