"กสิกรไทย"เปิดโพย 18 หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง

02 มิ.ย. 2565 | 03:12 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2565 | 10:17 น.

บล.กสิกรไทย คงเป้าดัชนี SET ปี 65 ที่ 1,650 จุด จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยง เงินเฟ้อพุ่ง เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก จีนเลื่อนเปิดประเทศ ฝีดาษลิงระบาด การใช้จ่ายงบจำกัด คัด 18 เด่น กลุ่มธีมเติบโตปันผลสูง ได้ประโยชน์จากเปิดประเทศ

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2565 ว่ายังคงมุมมองเป็นกลางจากอัพไซด์ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมาย อัตราตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นและโอกาสที่ตลาดจะปรับลดประมาณการ market EPS จากผลของเงินเฟ้อที่สูงและอัตราเติบโตที่ลดลง

 

ทั้งนี้ยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index ) ปี 2565 ไว้ที่ 1,650 จุด คำนวณด้วย EPS ณ สิ้นปี 2565 ที่ 105.90 บาท และ EYG ที่ 3.48% (หรือ -0.875SD) โดยคาดว่าอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ระยะเวลา 10 ปี จะอยู่ที่ 2.90% จากประมาณการเดิมที่ 2.60% โดยดัชนี SET ได้ฟื้นตัวขึ้น 4.5% หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 1,580 จุด เมื่อเดือนก่อนแรงหนุนจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้ 

 

ปัจจัยหนุน และปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ครึ่งปีหลัง บล.กสิกรไทย ประเมินไว้ดังนี้

 

ปัจจัยบวก

 

  • แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น จากการเปิดประเทศ เต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565
  • อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำ ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ในปี2565 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
  • หากเงินเฟ้อสหรัฐฯแตะระดับสูงสุด US Core PCE เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงในเดือนเม.ย.2565 
  • พัฒนาการเชิงบวกจากจีน จากการเปิดเศรษฐกิจหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควดิ-19 ลดลง และคาดว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจจะยุติลงในเดือนมิ.ย. 

 

 

ปัจจัยเสี่ยง

 

  • อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง กระทบกำไรของบริษัทจดทะเบียน จากราคาน้ำมันและอาหารที่สูง และราคาบริการที่สูงขึ้น หลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด -19
  • แรงกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และมาตรการ QT นโยบายการเงินแบบตึงตัวของ Fed คาดจะกดดันมูลค่าของตลาดและอาจทำให้เกิดความกังวลต่อภาวะถดถอย  KS มองว่าการที่ Fed จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุลจะเพิ่มความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเป็นแรงกดดันต่อมูลค่าหุ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนขาดทุน จากราคาสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวลง 
  • การเลื่อนเปิดประเทศของจีนจากนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์และความไม่แน่นอนของพัฒนาการวัคซีนที่ผลิตเอง  โดยหากจีนตัดสินใจที่จะเดิมพันด้วยวัคซีน mRNA ของตัวเองและคงนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ เราคาดว่าจีนอาจต้องเลื่อนเปิดประเทศออกไปจากคาดการณ์ของตลาดคือในไตรมาส 4/2565 
  • การระบาดของไวรัสฝีดาษลิง หลังล่าสุด ณ วันที่ 28 พ.ค.2565 จำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 403 ราย ใน 28 ประเทศ
  • การใช้จ่ายเงินคงคลังที่น้อยกว่าคาด จากข้อจำกัดงบประมาณและต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

 แนะ 6 ธีมลงทุน 

 

สำหรับธีมการลงทุนในเดือนมิถุนายนนี้ บล.กสิกรไทย แนะนำหุ้นใน 6 ธีม ได้แก่

 

  • ธีมอัตราตอบแทนปันผลสูง (KKP KTB และ DTAC) เราคาดว่าหุ้นปันผลเหล่านี้จะเคลื่นไหวดีกว่าตลาดในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวลง
  • ผู้เล่นที่มีประกันความเสี่ยงต่อไวรัสฝีดาษลิง (BCH และ STA) เราคาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลและถุงมือทางการแพทย์จะได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสฝีดาษลิง
  • ผู้เล่นกลุ่ม Anti-commodities (BGRIM และ EPG) เราคาดว่าราคาน้ำมันที่ลดลงจะเป็นบวกต่อ BGRIM และ EPG จากต้นทุนวัตถุดิบตั้งต้นที่ลดลง
  • ผู้เล่นกลุ่มเปิดประเทศ (MTC BEM BJC ANAN และ SPRC) การเปิดเศรษฐกิจ/การเปิดภาคเรียน ฯลฯ รายไดภาคเกษตรและค่าแรงที่สูงขึ้นคาดจะช่วยหนุนอุปสงค์สินเชื่อของ MTC จำนวนผู้โดยสาร/รถยนตที่ใช้ทางพิเศษของ BEM SSSG ของ BJC ยอดขายของ ANAN และ GRM ของ SPRC ให้สูงขึ้น
  • ผู้เล่นกลุ่มเติบโต (RBF GUNKUL และ CHAYO) เราคาดว่าทั้ง 3 บริษัทจะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2565/66
  • พัฒนาการเชิงบวกในจีน (PSL  JWD และ SCGP) การเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกจิ ของจีนคาดจะช่วยหนุนค่าระวางเรือของ PSL ปริมาณขนส่งของ JWD และราคากระดาษของ SCGP ให้สูงขึ้น

 

\"กสิกรไทย\"เปิดโพย 18 หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง

 

ที่มา :  บล.กสิกรไทย จำกัด , ฐานเศรษฐกิจ