บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัท เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 อันเนื่องจากการที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2565
และกรณีที่ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพิ่มเหตุการณ์ขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 เนื่องมาจากการที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลงบการเงินไตรมาสที่ 1/2565 ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 ซึ่งปรากฎข้อมูลว่า บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมูลค่าประมาณ -27,225 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ -13,612.5 ของทุนที่ชำระแล้ว นั้น
ความคืบหน้าในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัท
สรุปการขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์ของบริษัท
ผู้ทำแผนที่เสนอในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ
บริษัทได้เสนอให้ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ทำแผน โดยอำนาจหน้าที่และสิทธิของผู้ทำแผนตามกฎหมายฟื้นฟูกิจการซึ่งจะตกแก่ผู้ทำแผนนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน มีดังนี้
ด้วยความพร้อมทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ บริษัทจึงเชื่อว่าการที่เสนอตนเองเป็นผู้ทำแผนเหมาะสมต่อสถานการณ์มากที่สุด เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม โดยวิเคราะห์จากปัจจัย ข้อมูลและประสบการณ์ที่รอบด้าน เพื่อคงไว้ซึ่งมูลค่าทางธุรกิจ รักษาฐานลูกค้าและคุณภาพการให้บริการอันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
แนวทางการแก้ไขปัญหาและการกลับมาดำเนินธุรกิจในอนาคต
เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่มีจำนวนสูงเกินความสามารถของบริษัท ที่จะชำระได้ทั้งหมด กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้บริษัท ได้เจรจาหาแนวทางการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับเจ้าหนี้สินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19
ในขณะที่บริษัท ยังสามารถดำเนินธุรกิจและให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยกรณีกรมธรรม์ปกติอื่นๆ ต่อไปได้ กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นแนวทางออกที่จะทำให้บริษัท แก้ปัญหาสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่สูงเกินความสามารถที่จะชำระหนี้ และบริษัทจะสามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติต่อไปในอนาคต เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
โดยเบื้องต้น ทางบริษัทจะเร่งแผนเสนอแนวทางการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งจากการศึกษาในเบื้องต้น เป็นไปได้หลายแนวทางดังนี้ โดยแนวทางในการชำระหนี้จะได้มีการหารือร่วมกับเจ้าหนี้ในระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงประเด็นอื่นๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ
บริษัทมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล เพื่อให้บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่อง และปรับโครงสร้างการชำระหนี้อย่างเหมาะสม และเป็นธรรมซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและแก้ไขฐานะการเงิน
บริษัทขอยืนยันว่าบริษัท มีเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 โดยการฟื้นฟูกิจการจะเปิดโอกาสให้บริษัท และผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้เจรจาร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ที่เหมาะสม และเป็นแนวทางที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะได้รับการชำระหนี้ ตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่ากรณีที่บริษัท ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา(COVID-19) จะได้รับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้มีการยอมรับร่วมกัน ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVD-19) ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จะมีโอกาสได้พิจารณา และลงมติเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
สำหรับผู้เอาประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันขนส่งทางทะเล เป็นต้น บริษัทขอให้ความมั่นใจว่าบริษัท จะยังคงให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และรักษาคุณภาพ ความสะดวกรวดเร็ว ในการให้บริการ