หุ้นไทยครึ่งปีหลัง บริษัทขนาดใหญ่ค้ำยันตลาด

20 มิ.ย. 2565 | 11:26 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2565 | 18:26 น.

ตลาดหุ้นไทยปัจจัยลบรุมเร้า แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นใหญ่ยังดี บาทอ่อนเป็นผลดีต่อหุ้นส่งออก “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค” สบโอกาส เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ “สยามสแควร์” โค-เทรดดิ้ง สเปซ รองรับไลฟ์สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่

นายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ผู้ริเริ่มโครงการ ซุปเปอร์  เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพครั้งแรกของประเทศไทยเปิดเผยว่า ตลาดการลงทุนขณะนี้ ยังคงได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัยทั้ง ปัญหาเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นแต่ค่าแรงคงเดิม ปัญหาสินค้าการเกษตรและโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า

นายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง

อย่างไรก็ดี ในมุมมองส่วนตัวเชื่อว่า วิกฤตเศรษฐกิจจะไม่เกิด หากไม่มีปัจจัยนอกเหนือจากนี้มากระทบ เพราะการที่เงินบาทอ่อนค่า อาจทำให้ภาคนำเข้าได้รับผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกจะได้รับผลบวก รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่คนต่างชาติเข้ามา จึงมองว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะไม่ขาดทุนกลับมา หรือ แม้แต่ปัญหาเงินเฟ้อสูง เงินบาทอ่อน ก็มีกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงแรมและสายการบิน 

ขณะที่ปัญหาการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารและบริษัทประกันที่นำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ได้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือหนี้ภาคครัวเรือน หลังโควิดจบแล้ว อาจเห็นยอด NPL ในระบบสูงขึ้น

 

ทั้งนี้ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะอยู่ในกรอบกว้าง 1580-1700 จุด มีแนวรับแรกของอยู่ที่ 1560-1580 จุด ไม่ควรหลุด ถ้าไม่หลุดใช้กลยุทธ์เทรดตามกรอบไม่มองไกลกว่านั้น เพราะยังไม่เห็นข่าวดีมากพอที่จะทำให้ดัชนียืนเหนือ 1700 จุดได้ แต่หากแนวรับหลุด 1560 จุด มีแนวรับต่อไปอาจลงได้ถึง 1400 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่หลุดยาก หากไม่มีปัจจัยลบเรื่องใหม่เข้ามากดดัน

 

“มองว่าตลาดหุ้นไทย ยังคงมีบริษัทใหญ่ๆ ปัจจัยพื้นฐานดีเป็นเสาค้ำยันตลาดอยู่ ยกตัวอย่าง เช่น PTT SCC ADVANC CPALL BDMS AOT PTTEP GULF OR BBL KBANK SCB TOP CPF CPN ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นใหญ่ที่มีค่าเฉลี่ยของ PE ตามปกติ ไม่ได้ถือว่าแพง จึงมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลงที่จำกัด”นายกระทรวงกล่าว

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงจังหวะนี้ แนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีเกราะกำบังและแข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มอาหารส่งออก กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มธนาคาร-ประกัน ส่วนกลยุทธ์การเทรดให้ใช้ Hit&Run Style เล่นหุ้นตามตลาด และเน้นซื้อในจังหวะที่ได้เปรียบ

 

ส่วนภาพรวมธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจ โดยมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในกลไกสร้างนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีส่วนร่วมส่งเสริมคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทย และต้องการสร้างเวทีในการถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุนสู่นักลงทุนนำมาสู่ความยั่งยืนของตลาดทุน โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันเป็น Investment Gateway ที่มุ่งให้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเป็นหลัก และปีนี้มีความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ให้นักลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์การลงทุน

 

สำหรับธุรกิจในกลุ่มประกอบด้วย

  • ซุปเปอร์สกิล (SuperSkill) เป็นแหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน
  • ซุปเปอร์เทรดเดอร์ พับลิชชิ่ง (Super Trader Publishing) เป็นแหล่งรวมหนังสือด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน
  • ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินเตอเนชั่นแนล (Super Trader International) เป็นสถาบันสอนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ กองทุน ทองคำ น้ำมัน ฟิวเจอร์ ออปชั่น 
  • ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินฟินิต (Super Trader Infinite) โครงการที่รวบรวมความรู้ด้านการลงทุนจากกูรูมืออาชีพในวงการไว้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกตลาด ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ฟิวเจอร์ส และคริปโตฯ พร้อมกับกิจกรรมการแข่งขันวัด Performance ด้วยพอร์ตการลงทุนจริงโดยมีรางวัลมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท

 

นายจุติ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัดกล่าวว่า ธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค เป็น Investment Academy ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี นับตั้งแต่ปีแรกที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2559 โดย ตั้งแต่ก่อตั้งจนปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกนักลงทุนที่ผ่านการเรียนกับ SPTR กว่า 3,000 คนแล้ว

 

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาหลักสูตรการให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน และรูปแบบการลงทุนรุ่นใหม่ รวมทั้งมีเป้าหมายที่ต้องการพัฒนารูปแบบสาขาใหม่เพิ่มขึ้น จึงได้เปิดสาขาใหม่ “สาขาสยามสแควร์” และเป็นสาขาที่เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ง่าย เดินทางสะดวก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มคอร์สทางด้านการลงทุนให้ครบทุกสินทรพย์การเงิน และเพิ่มจำนวนสมาชิกสาขาใหม่ให้ได้ 5,000 คน ในระยะเวลา 2 ปี

หุ้นไทยครึ่งปีหลัง บริษัทขนาดใหญ่ค้ำยันตลาด

ทั้งนี้ “สาขาสยามสแควร์” มีพื้นที่โดยรวมกว่า 700 ร.ม. แบ่งพื้นที่เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ 120 ที่นั่ง และห้องทีมเทรด 30 ที่นั่ง รองรับการให้บริการสมาชิกรายปีได้มากกว่า 3,000 คนต่อปี นับเป็นจำนวนที่เหมาะสมเพื่อการดูแลที่ทั่วถึง และความเป็นพรีเมียมของผู้ใช้งาน ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างสังคมนักลงทุนที่มีคุณภาพให้กับสมาชิก ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่จะหมุนเวียนกันมาให้คำปรึกษาตลอดทั้งสัปดาห์