นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส ปี 2565ว่า ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มส่วนเแบ่งทางตลาดสินเชื่อกลุ่มลูกค้าไต้หวันเป็น 10% ภายใน 3ปี จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าไต้หวันทำธุรกิจในไทย 5,000 รายและประชากรชาวไต้หวันอีกกว่า 2 แสนราย จึงเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าทั้งธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม
นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า สัญญาณเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและสัญญาณบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มนั้น ทำให้สินเชื่อของธนาคารยังเติบโตต่อเนื่องตามแผน โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมเติบโต 8-9% จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 6-7% โดยธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield)
เช่น สินเชื่อรายย่อย จะเน้นการเติบโตในสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) ภายใต้ความร่วมมือAscend ที่เริ่มธุรกิจเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มียอดอนุมัติสินเชื่อคืบหน้ากว่า 180 ล้านบาทจากเป้าทั้งปีอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทนอกจากนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตรอีก 2-3 ราย ซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงินคาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้
ขณะที่เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็น 50%ภายใน 2-3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ส่วนใหญ่จะเน้นปล่อยสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในสัดส่วนมากถึง 90%
"ธนาคารอยู่ระหว่างการปรับแผนสินเชื่อ คาดว่า สินเชื่อรายย่อยน่าจะขยายตัวได้ดีแต่สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่อาจจะระมัดระวังจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอน ทั้งเรื่องความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และกรณี จีน-สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงเน้นตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี Coverage Ratio จะอยู่ที่ 200% จากปัจจุบัน 196% และคาดว่าเอ็นพีแอลปีนี้ไม่เกิน 2.5-2.6% จาก 2.4%"นางสาวชมภูนุชกล่าว
นอกจากนี้ธนาคาร ตั้งเป้าเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น(ROE) เป็น 6-7% ในปี2023 จาก ROE ในครึ่งปีแรกอยู่ที่3.93% และเพิ่มฐานลูกค้าบนแอปพลิเคชั่น "M Choice "เป็น 1 ล้านรายภายในปี 2030 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนา Digital Infrastructure และ Platform เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และสอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิด Customer Centric ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุก Segment
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล Pro-fit ที่ลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมากเพราะความง่ายและสะดวกในการเปิดบัญชีผ่าน Mobile Banking LH Bank M Choice ทำให้ยอดเงินฝากสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 121.8% และมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ครึ่งปีแรกสินเชื่อธุรกิจเติบโต 7.2% สินเชื่อรายย่อยเติบโตถึง 18.3 % ทั้งจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการขยายตัวได้ดีของกลุ่มลูกค้าไต้หวัน ที่เติบโตถึง 49.8% และสินเชื่อ Trade Finance เติบโต 68% จากสิ้นปี 2564