บอร์ด SABINA เคาะปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.61 บาท

15 ส.ค. 2565 | 11:06 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2565 | 18:06 น.

บอร์ด SABINA ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.61 บาท หลังมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 210.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.5% มองแนวโน้มครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่อง เหตุเศรษฐกิจฟื้นตัวส่งผลดีต่อกำลังซื้อ

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.61 บาท สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยายน 2565 

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)

 

ทั้งนี้ผลประกอบการงวดครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน 2565) ถือว่าเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามคาด โดยมีรายได้รวม 1,570.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265 ล้านบาทหรือคิดเป็น 20.3% จากงวดเดียวกันของปี 2564 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 210.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.8 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.5% โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 47.2%

ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงาน มาจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  โดยการเติบโตของรายได้ยอดขายมาจากทุกช่องทาง ทั้งช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งเติบโต 22.2% ช่องทางออนไลน์ (Non-Store Retailing) เติบโต 14.1% และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่เติบโต 28.3% 

 

ณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเดินหน้าควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการรักษาการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)

 

 

"ช่วงครึ่งแรกปีนี้ เราเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายอย่าง แม้กำลังซื้อจะดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งจากผู้บริโภคในประเทศและนักท่องเที่ยวที่เห็นชัดเจนขึ้น แต่ไตรมาส 2 ก็เป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนหลายอย่าง ทั้งราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนค่าพลังงานต่อยอดขายเพิ่มขึ้นราว 15% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบขยับขึ้นตามไปด้วย"นางสาวดวงดาวกล่าว

 

สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังปีนี้ บริษัทฯยังคงติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มราคาพลังงานที่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 เริ่มคลี่คลายลงบ้าง และยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน แต่เชื่อมั่นว่า ปัจจัยค่าเงินบาทจะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯ เนื่องจาก SABINA มีสถานะเป็นทั้งผู้นำเข้า ที่ได้รับผลบวกจากการแข็งค่าของเงินบาท และเป็นทั้งผู้ส่งออก ที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาท

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์ปรับตัวเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ไม่มีความกังวลในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาดของ SABINA ที่มีประสิทธิภาพ เน้นการเจาะลูกค้าเป้าหมายได้ตรงกลุ่มที่ลูกค้าต้องการและเน้นการตอบสนองกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ตลอดจนแคมเปญใหม่ๆ และสินค้าที่จะออกมาทำตลาดในช่วงที่เหลืออยู่ของปีนี้ จึงมั่นใจว่า จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ 20%