ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,104.97 จุด ร่วงลง 1,276.37 จุด หรือ -3.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.69 จุด ลดลง 177.72 จุด หรือ -4.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,633.57 จุด ร่วงลง 632.84 จุด หรือ -5.16%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%
พอล นอลเต้ นักวิเคราะห์จากบริษัทคิงส์วิว แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า "นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข CPI ที่สูงกว่าคาด ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงมาก และจะผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย"
นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลข CPI ที่สูงกว่าคาด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 32% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมเดือนนี้ และให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ทางด้านนักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระคาดการณ์เช่นกันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนนี้หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข CPI สูงกว่าคาด จากเดิมที่เคยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
ราคาหุ้นร่วงลงทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 5.87% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 9.37% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 7.067% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 5.5% หุ้นอัลฟาเฟท ดิ่งลง 5.9%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 5.55% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 5.11% หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 5.93%
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน