ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,822.42 จุด ลดลง 139.40 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,873.33 จุด ลดลง 28.02 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,448.40 จุด ลดลง 103.95 จุด หรือ -0.90%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 4.1%, ดัชนี S&P500 ร่วง 4.8% และดัชนี Nasdaq ร่วงลงราว 5.5%
ดัชนีหุ้นทั้งสามตัวปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. โดยดัชนี S&P 500 ปิดลดลงต่ำกว่าระดับ 3,900 ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุด และดัชนีดาวโจนส์กลุ่มการขนส่ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ร่วงลง 5.1%
ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
การที่บริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ยกเลิกการคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีเมื่อวันพฤหัสบดี โดยระบุถึงสัญญาณของอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายด้วย ขณะที่ตลาดถูกกดดันอยู่แล้วจากความเห็นของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่เตือนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวลงหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับโอกาส 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมากถึง 1% ในวันพุธหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 58.6 ในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 60.0