หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยให้นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 60
ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 16.10 น. SET อยู่ระดับ 1,594.04 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.67 จุด หรือบวก 0.10% มูลค่าการซื้อขาย 48,696 ล้านบาท จากที่ร่วงลงไปแตะ 1,587.96 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.โอยูบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ปมการเมืองนายกฯ 8 ปี "บิ๊กตุ่" อยู่ต่อ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะวาระของรัฐบาลจะครบเทอมในวันที่ 24 มีนาคม 2566 และจะมีการเลือกตั้งใหม่ เร็วสุดน่าจะเป็นเดือนพฤษภาคม 2566
“ เรามองว่าภาพใหญ่ตลาดหุ้นไทย ในช่วงไตรมาส 4/65 ได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกลุ่มอาเซียนเป็นตัวขับเคลื่อน สวนทางกับเศรษฐกิจยุโรปที่ถดถอยหรือสหรัฐฯที่ชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนรับรู้ปัจจัยเหล่านี้และปรับพอร์ตการลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าการโยกมาลงทุนหุ้นในกลุ่มที่อิงการฟื้นตัวกับเศรษฐกิจในประเทศ ภาคการบริการ ท่องเที่ยว หรือเลี่ยงหุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ หรือ กลุ่มเดินเรือก็ดี ปมประเด็นการเมืองจึงไม่น่าห่วง แต่ช่วยในเรื่องของความชัดเจน"
สอดคล้องกับนายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้น เราให้น้ำหนักในเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย และประเด็นเงินบาทอ่อนค่ามากกว่า เพราะแม้ว่าศาลฯจะวินิจฉัยว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะรอดและได้เป็นนายกฯต่อ แต่วาระของรัฐบาลจะครบเทอมในเดือนมี.ค. และมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นอย่างช้ากลางปีหน้าอยู่แล้ว