การดำเนินนโยบายและมาตรการทางด้านการเงิน ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังจากเจอกับสถานการณ์วิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 การชะลอตัวของเศรษฐกิจกิจโลก และสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
โดยการดำเนินมาตรการและนโยบายการเงินของไทย จำเป็นต้องวางแผนรองรับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และที่จะเกิดในอนาคต
ล่าสุด ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวถึงแนวการดำเนินนโยบายทางด้านการเงินเอาไว้ บนเวทีงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2023 เรื่องเศรษฐกิจไทย ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลก จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ไว้อย่างน่าสนใจ
โดยจากบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ผู้ว่าการ ธปท. ระบุถึง การดำเนินนโยบายไว้ดังนี้
ด้านนโยบายการเงิน
- ปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจ (Gradual & Measured]
- เศรษฐกิจไทยเพิ่งเริ่มฟื้น เงินเฟ้อสูงจากปัจจัยอุปทานเป็นหลัก แรงกดดันด้านอุปสงค์ยังจำกัด
- หากเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงินในประเทศเปลี่ยนจากที่เคยคาดไว้ ก็ต้องพร้อมปรับขนาด และเงื่อนไขเวลาของการปรับดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมต่อไป
มาตรการทางการเงิน
- ถอนมาตรการแบบกว้างและครอบคลุมเกือบทุกกิจการ (Broad-based) สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น เช่น ไม่ต่อมาตรการลด FIDF fee ที่จะครบ กำหนดสิ้นปี 65
- ยังมีมาตรการที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น แก้หนี้ระยะยาว และ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้
ส่วนการดำเนินนโยบายทางการเงินของไทยนั้น ที่ผ่านมามีข้อสงสัยต่าง ๆ ผู้ว่าการ ธปท. จึงของไขข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1.ไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย “ช้าเกินไป” และ “น้อยเกินไป” หรือไม่?
- ไม่ช้า : เศรษฐกิจไทยพื้นช้าเทียบต่างประเทศ / เงินเฟ้อสูงจากปัจจัยอุปทานเป็นหลัก แรงกดดันด้านอุปสงค์จำกัด
- ไม่น้อยไป : เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว และยังมีกลุ่มเปราะบาง ซึ่งต้องดูแลด้วยมาตรการเฉพาะจุด
2.ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐฯ ที่กว้างขึ้น จะทำให้เงินทุนไหลออกจนเงินบาทอ่อนค่าลงมาก และเงินทุนสำรองฯ ลดลงเพราะต้องใช้พยุงค่าเงินบาท?
- ไม่ : เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อเงินทุน เช่น การฟื้นตัว / เสถียรภาพเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน / ตั้งแต่ ต้นปี ไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ (3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) / บาทอ่อนค่าจากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเป็นหลัก สอดคล้องกับสกุลภูมิภาค / เงินทุนสำรองฯ ลดลง ส่วนใหญ่จากการตีมูลค่าสินทรัพย์กลับเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ
3. บาทอ่อนค่าที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่าประเทศขาดเสถียรภาพหรือไม่?
- ไม่ : เสถียรภาพต่างประเทศแข็งแกร่ง เงินทุนสำรองฯ สูง โดยไทยอยู่อันดับ 12 ของโลก / % GDP อันดับ 6 / ดุลบัญชีเดินสะพัดคาดกลับมาเกินดุลปี 66 ( 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ / 0.7% ของ GDP)