นางจุงมิน (ซูซาน) ปาร์ค หัวหน้าส่วนงานเกาหลีของ มาซาร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า มาซาร์ส เดินหน้าขยายตัวเชิงกลยุทธ์ และเพื่อให้บริการแก่นักลงทุนชาวเกาหลีที่แสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศไทย บริษัทมาซาร์สในประเทศไทย บริษัทได้จัดตั้งส่วนงานเกาหลี (Korean Desk) เพื่อให้คำปรึกษาด้านการทำธุรกิจ การจัดการด้านภาษี และคำแนะนำทางกฎหมายแก่ผู้ประกอบการเกาหลีที่ต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทย
ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศอาเซียนและมี GDP ต่อหัวเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน ประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่น่าดึงดูดที่สุดในภูมิภาคในแง่ของจำนวนประชากรและมีกำลังซื้อ และโดยส่วนตัวที่มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับมาซาร์สทั้งในไทยและเกาหลีใต้ จึงมั่นใจว่าจะสามารถให้การสนับสนุนแบบมืออาชีพ แก่ผู้ประกอบการเกาหลีใต้ที่กำลังต้องการขยายธุรกิจมายังประเทศไทยได้
“การทำธุรกิจในประเทศไทยยังมีข้อดีหลายประการ รวมถึงการมีความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นสะพานเชื่อมเข้าสู่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ ได้ทั้งทางบกและทางทะเลอีกด้วย”
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการการส่งเสริมนโยบาย 'Thailand 4.0' ซึ่งเป็นแผนพัฒนาประเทศในระยะกลางถึงระยะยาวสำหรับการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายหลัก เช่นรถยนต์แห่งอนาคต เชื้อเพลิงชีวภาพ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้น จึงมีโอกาสอีกมากสำหรับผู้ประกอบการเกาหลีที่จะสามารถขยายบทบาทให้กว้างขวางขึ้นด้วยขีดความสามารถเชิงเทคนิคระดับโลกในหลายภาคส่วน เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เมืองอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมดิจิทัล การพัฒนาเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้เติบโตยิ่งขึ้น
แม้จะมีข้อได้เปรียบดังกล่าว แต่เจ้าของธุรกิจเกาหลีใต้ ก็ยังพบว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากในการที่จะขยายเข้าสู่ตลาดประเทศไทย เพราะตลาดไทยถูกครอบงำโดยธุรกิจจากประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น ประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีนก็เริ่มเข้ามาลงทุนในไทยอย่างจริงจังเช่นกัน
ขณะเดียวกัน การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจในประเทศไทยนั้นมักจะเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ข้อมูลที่เป็นภาษาเกาหลีกลับมีอยู่น้อย ผู้เชี่ยวชาญเชิงธุรกิจอย่าง CPA ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี และนักกฎหมาย ก็ยังมีไม่มากพอที่สามารถสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทเกาหลีใต้ในภาษาเกาหลีได้
“นี่คือเหตุผลที่มาซาร์สในประเทศไทยได้จัดตั้งส่วนงานเกาหลีขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการชาวเกาหลีได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย และจำเป็นต่อการแข่งขันกับบริษัทจากประเทศอื่น ๆ ได้อย่างทัดเทียมกัน” นางปาร์คกล่าว
ข้อดีประการหนึ่งที่มาซาร์สในประเทศไทยสามารถนำเสนอการบริการให้แก่ลูกค้าคือการมีผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีประจำอยู่ตามสำนักงานต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างธุรกิจที่ดำเนินการในประเทศไทย เกาหลี และบริษัทในเครือที่อยู่ในประเทศต่างๆ
มาซาร์สในประเทศไทยจะเริ่มต้นการทำงานด้วยการวิเคราะห์วิจัยหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม ทบทวนกฎหมายการลงทุนของประเทศไทย รวมทั้งทำความเข้าใจโครงสร้างตราสารทุนสำหรับนักลงทุนชาวเกาหลี จากนั้นจึงช่วยดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับประเภทของกิจการให้มากที่สุด ตลอดจนมีการทำงานร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการประกอบกิจการของธุรกิจจากต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการในประเทศไทยอีกด้วย
การจัดตั้งส่วนงานเกาหลีที่มาซาร์สในประเทศไทยถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างคนไทยและคนเกาหลี อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจมีสิ่งใดรับประกันความสำเร็จของการลงทุนได้ ซึ่งเรื่องนี้ มาซาร์สให้ความเห็นว่า หากรัฐบาลไทยพยายามดึงดูดผู้ประกอบการเกาหลีเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการเป็น ‘Thailand 4.0' และเศรษฐกิจ BCG ได้ ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนในการสร้างความเติบโตให้กับทั้งสองประเทศ
ปัจจุบัน บริษัทมาซาร์สมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 44,000 คนในกว่า 90 ประเทศ ส่วนมาซาร์สในประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 300 คนที่ให้คำปรึกษาด้านการตรวจสอบบัญชี การจัดทำบัญชี กฎหมาย ภาษี และการเงิน โดยได้ผสานประโยชน์จากการมีพันธมิตรทั่วโลกเข้ากับการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการที่เป็นพันธมิตรกัน