ไทยรีประกันชีวิต ปักหมุดปี 66 ลุยตลาดต่างประเทศเต็มสปีด

21 ก.พ. 2566 | 10:17 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2566 | 10:23 น.

THREL ปักหมุดปี 2566 ลุยตลาดต่างประเทศเต็มสปีดโดยเฉพาะอินโดนีเซีย-ไต้หวัน พร้อมต่อจิ๊กซอว์ New S-Curve ขยายฐานในประเทศ หนุนเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตต่อเนื่อง 2.5-3% -ส่งผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ Non-Conventional รับกระแสตลาดประกันสุขภาพบูม

THREL ปักหมุดปี 2566 ลุยตลาดต่างประเทศเต็มสปีด พร้อมขยายฐานในประเทศ ต่อจิ๊กซอว์ New S-Curve หนุนเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตต่อเนื่อง 2.5-3% โชว์ผลงานปี 2565 ฟอร์มแกร่ง กำไรสุทธิทะยานแตะ 153 ล้านบาท กวาดเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,965 ล้านบาท หลังคว้าสัญญาใหม่ พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ Non-Conventional รับกระแสตลาดประกันสุขภาพบูม ขณะที่ Combined Ratio ลดลงต่อเนื่องเหลือ 96.4% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 60 ต่อ 1 พร้อมเงินสด 0.07 บาท/หุ้น

 

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยถึงภาพรวมแผนงานปี 2566 ว่า บริษัทฯเตรียมผนึกความร่วมมือพันธมิตรเดินหน้าขยายงานตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และไต้หวัน ที่ยังมีแนวโน้มอัตราการขยายตัวในระดับสูง พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆขยายงานตลาดในประเทศ ทั้งงานประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (Conventional)  และงานร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กับลูกค้า (Non-Conventional) ต่อจิ๊กซอว์ New S-Curve  ผลักดันเบี้ยประกันภัยต่อรับรวมเติบโตต่อเนื่องราว 2.5-3% จากปี 2565  

โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 55% แตะ 153 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรจากการรับประกันภัยต่อ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 122% จากปีก่อน ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อรับรวมที่ทำได้ 2,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 7% แตะ 2,908 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้สัญญาใหม่ของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ทั้งงานประกันชีวิตแบบ Conventional และ Non-Conventional รับกระแสการเติบโตของตลาดประกันสุขภาพ

 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมอยู่ที่ 2,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม สาเหตุหลักมาจากค่าสินไหมทดแทนสุทธิที่เพิ่มขึ้นราว 5% อยู่ที่ 2,016 ล้านบาท รวมถึงค่าบำเหน็จสุทธิเพิ่มขึ้นราว 3% อยู่ที่ 642 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมุ่งเน้นประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมอัตราค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) ลดลงต่อเนื่องเหลือ 96.4% จาก 98% ในช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2565 เป็นหุ้นอัตรา 60 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.0166 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่ายปันผลเป็นเงินสดอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น คิดเป็นวงเงินรวม 52 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งปี 2565 บริษัทฯจ่ายปันผลทั้งสิ้น 0.166 บาทต่อหุ้น คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 67% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำของนโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

“บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับการคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมคุณภาพของผลการรับประกันภัยในอยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ภายใต้การเดินหน้าขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอด New S-Curve หนุนการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง” นายสุทธิ กล่าว