เงินบาทกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 34.87 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือนที่ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงแรกตามสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากกระแสการคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อาจแตะจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยลดช่วงบวก และเริ่มอ่อนค่าลงในช่วงบ่าย
ขณะที่ผลการประชุมกนง. ซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ระดับ 2.50% ตามเดิมนั้น เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่กนง. ได้มีการปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566-2567 ลงมา
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทย 3,327.55 ล้านบาท แม้จะมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 6,166 ล้านบาทก็ตาม
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -30.54 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -27.32 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.60-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ย. ของจีน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค.