ทองคำนิวยอร์กปิดร่วง! 22.2 ดอลลาร์ หลังค่าเงินแข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด

27 ก.ย. 2565 | 00:03 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2565 | 07:14 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ย.) เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยลบต่อตลาด ประกอบกับเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำด้วย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 22.2 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 1,633.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 18.48 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 850.1 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 21.50 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,049 ดอลลาร์/ออนซ์

          

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.81% แตะที่ระดับ 114.1030 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

 

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย


 นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย.