นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกของปี
คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลง
ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการบริโภค โดยภาคเอกชนจะได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ที่จะช่วยสนับสนุนการจ้างงาน และการกระจายรายได้ของลูกจ้าง ที่อาจดันตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้แตะ 25.5 ล้านคน และปี 2567 ที่ 34 ล้านคน
ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอลงในปี 2566 แต่จะฟื้นตัวในปี 2567 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ ก่อนจะปรับดีขึ้นในปีหน้า
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลง แต่ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะผู้ประกอบการยังมีภาวะต้นทุนสูงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับแข็งค่าขึ้น ตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในอัตราที่ชะลอลง และการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางของจีนที่จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวไทย
โดยทาง กนง. จะติดตามพัฒนาการในตลาดการเงิน และความผันผวนในของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เน้นการรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน