22 กุมภาพันธ์ 2566 ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติให้ขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานปี 2565 ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2566 นี้ ในอัตรา 0.053 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2565 โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังการรวมกิจการ รวมไปถึงความตั้งใจของธนาคารในการส่งมอบผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2565 ธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น และเตรียมขออนุมัติการจ่ายครั้งที่ 2 อีก 0.053 บาท รวมเป็นอัตราเงินปันผล 0.073 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 7.1 พันล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 92% จากปี 2564 ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของกลุ่มธนาคาร โดยการจ่ายเงินปันผลในปี 2565 นี้ คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจากอัตรา 35% ในปีก่อนหน้า และเทียบเท่ากับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ประมาณ 5.2% ต่อปี ณ ระดับราคาหุ้น TTB ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายนโยบายจ่ายเงินปันผลของกลุ่มธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาตได้ทำเรื่องขออนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารเพื่อปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อปี จากเดิม 1 ครั้งต่อปี เพราะเล็งเห็นว่าธนาคารมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรับรู้ประโยชน์การรวมกิจการได้ตามแผน อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมาย ทำให้สามารถรับมือกับภาวะทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านกำไร ประสิทธิภาพด้านต้นทุน และคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งฐานะเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง จึงเป็นที่มาของการปรับนโยบายและจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นในปี 2565 ธนาคารยังได้ดำเนินการออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีผลดีต่อผู้ถือหุ้นเพราะให้สิทธิผู้ถือหุ้นทั้งในแง่ของการใช้สิทธิซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด และในแง่ของการได้ประโยชน์ด้านสภาพคล่องจากการนำวอร์แรนท์ไปซื้อขายในตลาดรอง
การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของทีเอ็มบีธนชาตในการมองหาโอกาสและวิธีการรูปแบบใหม่ ๆ ในการส่งผ่านผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้น โดยในปี 2566 นี้ ธนาคารก็จะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ควบคู่กับการพัฒนาด้านดิจิทัล เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน หนุนการเติบโตทางธุรกิจและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ทีเอ็มบีธนชาตมีกำไรสุทธิ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2564 ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารจัดการได้ดี สัดส่วนหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 2.73% ความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 20.0% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.3%