นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของสลากรูปแบบใหม่ ได้แก่
ขณะนี้สำนักงานสลากฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและได้ดำเนินการแก้ไขรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนี้ต้องรอติดตามว่ากระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า หรือหากไม่ทันต้องเสนอครม.ชุดใหม่ ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีความพร้อมดำเนินการทันที หาก ครม.มีอนุมัติแล้ว
สำหรับสลาก L6 หาก ครม. เห็นชอบแล้วจะสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากเป็นสลากดิจิทัล ซึ่งเพิ่มปริมาณสลากเข้าไปในระบบได้เลยในงวดถัดไป ต่างจากสลากรูปแบบใบเหมือนเดิม เพราะการที่จะเติมเข้าไปในสลากดิจิทัลจะต้องยึดโควต้าผู้ค้าที่ทำผิดเงื่อนไขเข้ามา แต่ขณะนี้การยึดโควต้ายังมีข้อจำกัด เพราะผู้ค้าปฏิบัติตามเงื่อนไขมากขึ้นและการพิสูจน์ทราบทำได้ เนื่องจากยังมีข้อจำกัด และการร้องเรียนอยู่
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสลาก L6 เป็นหน้าที่ของบอร์ดสลากที่จะพิจารณาว่าจะเพิ่มสัดส่วนสลากเข้าไปในระบบเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องที่เป็นผลบวกจะทำให้ประชาชนเข้าถึงสลากได้ในราคา 80 บาทได้มากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานสลากมีแผนที่จะทยอยเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลจากปัจจุบันอยู่ที่ 17 ล้านใบ เป็น 18 ล้านใบ และในรอบแรกจะเติมสลากดิจิทัลเข้าสู่ระบบได้เต็มที่ได้ 20 ล้านใบ จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นเป็น 30 ล้านใบภายในสิ้นปีนี้ หรือช่วงกลางปีหน้า โดยเพดานสุดท้ายคือ 40 ล้านใบ ซึ่งจะทำให้สลากราคา 80 บาทอยู่ตัว
"เชื่อว่า L6 จะช่วยแก้ปัญหาสลากเกินราคาได้อย่างรวดเร็ว แต่สำนักงานสลากฯ เป็นห่วงว่าประชาชนยังไม่คุ้นเคยและยังชินกับการซื้อสลากแบบใบ จึงต้องทยอยเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล คาดว่ากว่าจะหาจุดสมดุลได้จะเป็นช่วงกลางปีหน้า ส่วนสิ่งที่ต้องระมัดเป็นอย่างมากคือการเติมจำนวนสลากเข้าไปในระบบทั้งสลากดิจิทัล และสลากรูปแบบใบต้องไม่มากเกินไป ไม่เช่นกันจะเป็นการมอมเมา"
ขณะที่ผลิตภัณฑ์สลาก N3 เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาสลากเกินราคา และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการซื้อสลากของประชาชน หากการขายสลากดิจิทัลยังไม่สมดุล ส่วนสลากใบยังขายเกินราคา 80 บาท บอร์ดสลากจะนำN3 เข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งหาก ครม. อนุมัติแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายใน 6 เดือน
สำหรับสลาก N3 มี 3 แนวทางที่บอร์ดจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม ได้แก่
"ยืนยันว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สำนักงานสลากฯ ทำตามกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา เชื่อจะช่วยให้มีสลากราคา 80 บาทบรรลุวัตถุประสงค์ได้ทั่วประเทศ"