คลังจับตา 2 แบงก์สหรัฐล้ม ยันไม่กระทบระบบการเงินไทย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีธนาคาร 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา คือ ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank : SVB) และ ซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ปิดตัวลงนั้น ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างวิเคราะห์และประเมินผลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 14 มี.ค.นี้ จะมีการรายงานเพื่ออัพเดทข้อมูลในที่ประชุมด้วย 

สำหรับสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นช่วงวิกฤตฟองสบู่ แต่ 2 แบงก์ของสหรัฐฯ นั้น มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเข้าใจว่าเป็นปัญหาขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ดี ถือว่าสิ่งที่ทางการสหรัฐฯ ดำเนินการนั้นถูกต้องแล้ว ตามหลักการที่ไม่ต้องการให้เป็นภาระประชาชน ซึ่งสหรัฐฯ ก็ได้มีการคุ้มครองเงินจำนวนหนึ่งเหมือนของประเทศไทยเมื่อปี 2540

ส่วนกรณีปัญหาดังกล่าว ได้สร้างความกังวลว่าจะก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจลามไปทั่วโลกหรือไม่ นายอาคม กล่าวว่า อย่าพูดเรื่องไม่น่ากังวล ซึ่งกรณีดังกล่าว เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ถึงขั้นต้องตั้งทีมร่วมกับธปท. เพราะแค่ธปท.ดูแลก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ดี เท่าที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อไทย ก็มีเรื่องของตลาดหุ้นที่ปรับลดลง

“การระดมทุนในต่างประเทศนั้น เบื้องต้น ประเทศไทยไม่ได้มีการทำธุรกรรมกับ 2 ธนาคารนี้ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ก็ไม่ได้มีการเข้าไปลงทุนในพอร์ต 2 แบงก์นี้ เป็นต้น ไม่น่ามีผลผลกระทบโดยตรงกับระบบการเงินของไทย เท่าที่ติดตามผลกระทบในบ้านเรา ก็มีเรื่องตลาดหุ้น ซึ่งเป็นไปตามกระแสความเชื่อมั่นของนักลงทุน”นายอาคมกล่าว  

ขณะที่ในด้านตลาดพันธบัตรนั้น ก็เป็นไปตามภาวการณ์ตลาด ซึ่งการปิดตัวลงของ 2 ธนาคารนี้ จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น หรือเกิดภาวะตกใจ เช่น ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นร่วงลงมาตลอด ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และอาจทำให้ต้นทุนความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แล้ว ยังมีประเด็นความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพความมั่นคงของธนาคารในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ต้องคุยกับ ธปท. ว่าจะมีการมอนิเตอร์ถึงผลกระทบอะไรอีกหรือไม่ และธปท.ก็มีการยืนยันมาโดยตลอดว่าระบบเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบการเงินของไทยไม่ได้มีปัญหา ยังคงได้รับความน่าเชื่อถือ