ผู้ถือหุ้นของ SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB ได้รวมตัวกันฟ้องผู้บริหารของธนาคาร โดยกล่าวหาว่า พวกเขาปกปิดการเปิดเผยข้อมูลที่ว่า SVB มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะลูกค้าแห่ถอนเงินฝากในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ถือหุ้นได้ฟ้องนายเกร็ก เบคเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SVB รวมทั้งนายแดเนียล เบค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ SVB โดยมีการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนียวานนี้ (13 มี.ค.)
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของภาคธุรกิจ รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญของธนาคาร SVB ด้วย
นอกจากนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังได้ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลดีดตัวขึ้นตาม และส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับตัวลง เนื่องจากราคาพันธบัตรจะปรับตัวผกผันต่ออัตราผลตอบแทน
รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการของ SVB เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) หลังจากที่ราคาหุ้น SVB ทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลว่าจะเกิดการเพิ่มทุนจำนวนมากเพื่อชดเชยการขาดทุนมหาศาลจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยธนาคาร SVB จำเป็นต้องขายพันธบัตรในราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว เนื่องจากราคาพันธบัตรปรับตัวลงสวนทางกับดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นตามนโยบายเฟด ขณะที่ธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยีก็ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และได้แห่ถอนเงินฝากจาก SVB
ก่อนหน้านี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศกร้าวว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการล้มละลายของธนาคาร SVB จะต้องรับผิดชอบ
"ผมยืนยันว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบ เราพร้อมเดินหน้ายกระดับการควบคุมดูแลธนาคารใหญ่ ๆ เพื่อให้เราไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีก" ปธน.ไบเดนแถลงเมื่อวันที่ 12 มี.ค.จากนั้นก็มีมาตรการของรัฐบาลในการค้ำจุนระบบการธนาคารตามมา