นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Prime Rate (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
เพื่อให้การดำเนินงานของ EXIM BANK สอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ และเพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ของ EXIM BANK เพิ่มจากจาก 6.00% เป็น 6.25%ต่อปี แต่ยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ
อย่างไรก็ตาม EXIM BANK ไม่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ Prime Rate ทันที หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดจาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.75% ต่อปี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา แม้หลายสถาบันการเงินจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึง SMEs ไทยได้มีเวลาปรับตัวและบริหารจัดการต้นทุนเพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และยังเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้กับผู้ประกอบการไทยด้วย
นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคนตัวเล็กในโลกธุรกิจ EXIM BANK ยังมีมาตรการช่วยเหลือและโปรโมชันพิเศษอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริการ “3 เติม” ได้แก่
เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับตัวอยู่รอด เข้าถึงโอกาสและแหล่งเงินทุน เพื่อเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจเชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออก
“EXIM BANK มีนโยบายเป็น Lead Bank ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้ปรับตัวรับมือและเติบโตได้อย่างมั่นคงในเวทีการค้าระหว่างประเทศ เราจึงชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปอีก 2 สัปดาห์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาบริหารจัดการต้นทุนและเตรียมปรับตัวรับมือกับทิศทางเศรษฐกิจและภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น” นายรักษ์กล่าว