"มีที่ มีเงิน"ลุยเปิดสาขา ครบทุกจังหวัดในปีนี้

07 เม.ย. 2566 | 06:45 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2566 | 06:45 น.

บริษัท มีที่มีเงิน ลุยเปิดให้บริการสินเชื่อที่ดิน ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ พ.ค.-มิ.ย.นี้ ผ่านสาขาแบงก์ “ออมสิน” ชี้ให้บริการเพียง 3 เดือน ปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 1,048 ล้านบาท หนุนลูกค้าเข้าถึงดอกเบี้ยต่ำ 8-9%

หลังธนาคารออมสินร่วมทุนกับบริษัท ทิพย เอกซ์โพเนนเชียล จำกัดและ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด เพื่อให้เงินกู้เสริมสภาพคล่องยามฉุกเฉินกับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่จำเป็นต้องการใช้เงินสด หรือกิจการที่ต้องการเติมทุนหมุนเวียนยอดธุรกิจ โดยเปิดรับจำนองที่ดิน และขายฝาก รีไฟแนนซ์ ให้กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา วงเงินกู้ 300,000 บาท ถึง 10 ล้านบาท และนิติบุคคล วงเงินกู้ตั้งแต่ 300,000 บาท จนถึง 50 ล้านบาท

ล่าสุดนายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดเปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 มกราคมจนถึง 31 มีนาคม 2566 โดยระยะเริ่มต้นเปิดให้บริการในพื้น 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และภูเก็ต พบว่าได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วกว่า 1,048 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับทุนจดทะเบียนบริษัทแล้ว โดยเป็นจำนวนผู้กู้ 363 ราย ปล่อยกู้เฉลี่ยรายละ 2.89 ล้านบาท

นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด

ขณะที่ในเดือนเมษายน 2566 นี้ บริษัทจะเปิดให้บริการ ผ่านสาขาธนาคารออมสินเพิ่มอีก 24 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี กาญจนบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี อุบลราชธานี นครราชสีมา มหาสารคาม อุดรธานี เลย เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี พังงา นครศรีธรรมราช กระบี่ และสงขลา และภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 จะเปิดดำเนินการให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ

“ไตรมาส 2 บริษัทตั้งเป้าหมายจะอนุมัติสินเชื่อเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท ทำให้ครึ่งปีแรกจะอนุมัติสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถยื่นเรื่องขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หลังจากนั้น ธนาคารออมสินก็ส่งข้อมูลของลูกค้าให้บริษัทเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” นายอิสระกล่าว

นายอิสระกล่าวต่อว่า ขณะนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวและยังมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อ เป็นกลุ่มด้านการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และค้าขายทั่วไป เพราะมีความต้องการใช้เงินนำไปปรับปรุงกิจการ เสริมสภาพคล่อง เพื่อต้อนรับการนักท่องเที่ยว ลูกค้าส่วนใหญ่จะนำที่ดินเปล่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มาขอสินเชื่อ หรือรีไฟแนนซ์ เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แพงให้ถูกลงมาได้ เช่น สินเชื่อที่ดินในตลาดนอนแบงก์คิดอัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี แต่ถ้าเข้าบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด อัตราดอกเบี้ยจะลดลงมาเหลือ 8%-9% ต่อปี

“ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการ จะขอใช้สินเชื่อดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี เนื่องจากไม่ต้องการตรวจเครดิตบูโร หรือวิเคราะห์รายได้ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าทราบว่าตัวเองมีปัญหาอยู่แล้ว ขณะที่สินทรัพย์ที่นำมาจำนอง กับบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่าและที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมมากกว่า 90% ส่วนที่เหลือเป็นอาคารชุด หรือคอนโดมีเนียม โดยคอนโดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ กรุงเทพฯ ซึ่งตามปกติผู้ประกอบการนอนแบงก์จะไม่ได้รับจำนอง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง”

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่า บริษัทมีที่มีเงิน มีความเสี่ยงทางธุรกิจน้อย เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่เป็นที่ดินใช้ในการค้ำประกันเงินกู้ โดยพิจารณา ปล่อยสินเชื่อให้ในวงเงิน 60-70% ของราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ ขณะที่ลูกค้าที่ต้องการใช้การประเมินราคาที่ดินตามตลาดนั้น ก็ต้องมีการตรวจเครดิตบูโร และกำหนดให้ลูกค้า ขอสินเชื่อเพื่อการทำธุรกิจเท่านั้น เชื่อว่าจะเสี่ยงเป็นหนี้เสียต่ำ เพราะมีที่ดิน และที่อยู่อาศัย สามารถรองรับหนี้เสียได้ 2-3 เท่า และจะได้เป็นทรัพย์รอการขาย (NPA) แทน

 ทั้งนี้ บริษัทมีเกณฑ์ในการคัดเลือกที่ดิน คือ จะต้องเป็นที่ดินมีโฉนด นส. 4 ซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นที่ดินตาบอด ที่ดินบ่อน้ำ รกร้าง หรือไม่เป็นที่ดิน นส.3ก แม้จะมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน แต่ยังไม่มีโฉนด รวมทั้งการประเมินที่ดิน ก็ใช้บริษัทประเมินที่มีการจดทะเบียน และเป็นบริษัทที่รับจ้างธนาคารออมสิน ดังนั้น มีความน่าเชื่อถือ และมีการทำสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย